กรมบัญชีกลางจ่ายตรงเบี้ยยังชีพชรา-พิการ 76 จังหวัด ม.ค.63 ดึงเคาน์เตอร์เซอร์วิสชำระเงินภาครัฐ

นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม กรมบัญชีกลางได้จัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมบัญชีกลางครบรอบ 129 ปี กรมพร้อมขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของส่วนราชการให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมบัญชีกลางมีแนวทางในการพัฒนาการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล อาทิ ยังคงเดินหน้าดำเนินงานตามนโยบายภายใต้โครงการ National e-Payment ภาครัฐ โดยจะขยายการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการโดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีสิทธิโดยตรง จากเดิมที่เคยจ่ายให้กับผู้มีสิทธิในเขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และ จ. สิงห์บุรี และจะจ่ายให้กับผู้มีสิทธิใน จ.สมุทรสงคราม และ จ.อุทัยธานี ในเดือน พฤศจิกายน 2562 จะเริ่มทยอยจ่ายต่อไปจนครบ 76 จังหวัด ภายในเดือน มกราคม 2563

นายภูมิศักดิ์กล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (ค่าประปาไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน และค่าไฟฟ้าไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน) เริ่มต่ออายุตั้งแต่ ตุลาคม 2562-กันยายน 2563 และมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระ โดยจะจ่ายเงินชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว 5% เข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้แก่ผู้มีสิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 500 บาท/คน/เดือน เริ่มต่ออายุตั้งแต่ พฤศจิกายน 2562 – กันยายน 2563

นายภูมิศักดิ์กล่าวต่อว่า กรมบัญชีกลางมีเป้าหมายที่จะพัฒนาการดำเนินงานด้านต่าง ๆ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการปฏิบัติงานให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น อาทิ การเปลี่ยนมาใช้ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ (New GFMIS Thai) เพื่อให้การบริหารการเงินการคลังภาครัฐมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสรุปข้อมูลเป็นรายวันได้ จากเดิมสรุปเป็นรายสัปดาห์ มีช่องทางการเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ (Interface) ได้มากกว่าเดิม และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบงานได้มากขึ้นด้วย โดยจะเริ่มขึ้นระบบ New GFMIS Thai กับ 5 หน่วยงานนำร่อง ในเดือน พฤษภาคม 2563

นายภูมิศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรมเตรียมพัฒนาระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ หรือ e-Payment Portal of Government ซึ่งเป็นระบบงานเบ็ดเสร็จสำหรับการรับและนำเงินส่งคลังของหน่วยงานของรัฐ ครอบคลุมการทำธุรกรรมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน และภาครัฐกับภาคประชาชน เช่น การจ่ายค่าปรับ ค่าเช่า ค่าใบรับรอง ค่าธรรมเนียมค่าใบอนุญาต โดยไม่จำเป็นต้องมาติดต่อที่ส่วนราชการด้วยตนเองอีกต่อไป เพียงเข้ามาทำธุรกรรมผ่านทางเว็บไซต์ก็สามารถออกใบแจ้งการชำระเงิน (Bill Payment) และนำไปชำระเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เคาน์เตอร์ธนาคาร เคาน์เตอร์เซอร์วิส ATM Internet Banking หรือชำระเงินออนไลน์ผ่านระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น

นายภูมิศักดิ์กล่าวว่า ทั้งนี้ในเดือน ธันวาคม 2562 จะมีการลงนามข้อตกลง MOU ร่วมกับบริษัทเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพื่อขยายช่องทางการชำระเงินให้สะดวกมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2563 กรมบัญชีกลางจะสั่งการให้ส่วนราชการดำเนินการรับเงินและนำเงินส่งคลังผ่านระบบการรับชำระเงินกลางได้ทั้งหมด รวมไปถึงการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Block chain) มาช่วยในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) โดยนำมาช่วยในเรื่องความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบที่มาของการทำธุรกรรมได้ เนื่องจากสามารถนำมาใช้ตรวจสอบหนังสือค้ำประกันที่ผู้ค้าภาครัฐยื่นต่อหน่วยงานภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที