นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนรักษ์ เปิดเผยว่า ในปีงบ 2563 กรมมีแผนเปลี่ยนที่บุกรุกที่ราชพัสดุกว่า 1 แสนรายพื้นที่ 1 ล้านไร่ มาเป็นผู้เช่าที่ถูกต้องจากจำนวนทั้งหมด 1.3 แสนราย พื้นที่กว่า 1.36 ล้านไร่ โดยเป็นกลุ่มครอบครองอยู่ก่อนตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2546 ซึ่งการเช่านั้นมีอัตราถูกมาก หากเป็นที่ดินเกษตรไร่ละ 200 บาทต่อปี ถ้าเป็นที่อยู่อาศัยตารางวาละ 25 สตางค์ต่อเดือน หรือที่ดิน 100 ตารางวาเสียค่าเช่า 300 บาทต่อปี

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์อีกกว่า 4.7 หมื่นรายพื้นที่กว่า 3 แสนไร่ โดยต้องพิสูจน์ว่ากลุ่มดังกล่าวเข้ามาครอบคลองที่ดิน ก่อนที่รัฐจะประกาศเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่  ถ้าถูกต้องให้ออกเอกสารสิทธิ์ได้ แต่ถ้าพิสูจน์แล้วถือครองหลังรัฐประกาศต้องมาทำสัญญาเช่าให้ถูกต้อง

“พบว่าพื้นที่มีการบุกรุกจากประชาชนมากที่สุดคือ นครสวรรค์ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมพยายามเข้าไปเคลียร์ปัญหาในจังหวัดใหญ่ๆ ก่อน รวมถึงหารือหน่วยราชการที่ถูกบุกรุกพื้นที่เพื่อดึงประชาชนที่มีปัญหาเข้ามาอยู่ในระบบที่ถูกต้อง การเช่าที่ราชพัสดุอย่างถูกต้องสามารถนำสัญญาเช่าไปเปลี่ยนเป็นทุน”นายยุทธนา กล่าว

นายยุทธนากล่าวต่อว่า การดำเนินการดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลต้องการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐแก้ปัญหาด้านที่อยู่อาศัยและไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร ภายใต้โครงการ ธนารักษ์ประชารัฐ  ซึ่งรัฐบาลจึงมีนโยบายการบริหารทรัพย์สินของประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของราษฎร  โดยการรับรองสิทธิในการเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐ เพื่ออยู่อาศัยและทำกินได้อย่างเป็นธรรมและมีความมั่นคง

นายยุทธนากล่าวต่อว่า ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ กรมธนารักษ์จะมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับราษฎร ในพื้นที่ราชพัสดุบริเวณ ขอบอ่างเก็บน้ำชลประทานลำปาวใช้ในราชการกรมชลประทานแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กส.584 จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 340 ราย และจะดำเนินการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับราษฎรในพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี ในระหว่างวันที่ 28 – 29 ตุลาคม 2562 อีกจำนวน 350 ราย

นายยุทธนากล่าวต่อว่า นอกจากนี้เพื่อดำเนินการตามนโยบายประชารัฐสร้างไทย สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก กรมจัดสรรพื้นที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข กส.63 ตำบลหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์เนื้อที่กว่า 1 ไร่  ให้ชุมชนดังกล่าวไปจัดพัฒนาให้เหมาะสม เช่น  ที่ประชุมเอนกประสงค์ ตลาดขายสินค้าชุมชน โดยในปีงบ 2563 เตรียมจัดสรรพื้นที่ให้ชุมชนไม่น้อยกว่า 100 แห่ง กระจายไปยังพื้นทั่วประเทศ