พท.แซะรบ.เล่นงานฝ่ายค้าน เพราะตัวเองกำลังวิกฤต แนะ เลิกยืนหลบหลังขรก.ประจำ

“โฆษกพท.” แซะ รบ.รัฐบาลเล่นงานฝ่ายค้าน เพราะกำลังเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง เหตุกำลังเผชิญวิกฤตศรัทธาจากปชช.

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคพท. แถลงถึงกรณี กอ.รมน. แจ้งความดำเนินคดีอาญา มาตรา 116 กับแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน และนักวิชาการ รวม 12 คน ว่า 7 พรรคฝ่ายได้ทำการแจ้งความกลับในฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท ทั้งนี้การดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาของรัฐบาล ผ่านกอ.รมน. ทำให้รัฐบาลจะไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่า การดำเนินการลักษณะนี้เป็นการเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะรัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤตความศรัทธา คะแนนความนิยมลดลงสะท้อนผ่านหลายโพล และวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง การปราบปรามทุจริต คอร์รัปชัน ดังนั้นเมื่อรัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ จึงมองว่าเป็นการทำลาย บรรยากาศอันดีของบ้านเมือง เพราะรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ต้องการการมีร่วมของทุกภาคส่วน อย่าคิดว่าอยู่ในยุคเชื่อรัฐบาลชาติพ้นภัย หรืออยู่ในยุครัฐบาลคสช. ที่ประชาชนไม่มีสิทธิเสรีภาพ ทำลายกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกบรรจุในวาระเร่งด่วนข้อที่ 12 ไม่ช้าก็เร็ว รัฐบาลก็ต้องเปิดเวทีรับฟังความเห็นอยู่แล้ว แต่พอฝ่ายค้านทำกลับมีปัญหา เพราะอาจจะถูกมองว่าฝ่ายค้านเป็นภัยความมั่นคง แท้จริงแล้วไม่ใช่

“รัฐบาลทำลายความไว้วางใจของประชาชน ในกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกแทรกแซงหรือไม่ รัฐบาลทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลเอง เห็นได้จากหลายนโยบายที่บอกจะทำในช่วงการหาเสียง แต่รัฐบาลก็ไม่ยอมทำทั้งยังเพิ่มเงื่อนไง วันนี้รัฐบาลมีความจริงใจแค่ไหนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือกำลังหลอกประชาชนและต้มพรรคร่วมหรือไม่ และสุดท้ายคือการทำความความเชื่อมั่นภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ประชาชนเห็นการแทรกแซง ดำเนินนโยบายที่ไม่จริงใจนักลงทุนก็คงคิดหนักที่จะมาลงทุนวนประเทศ ดังนั้นเราขอเรียกร้องว่ารัฐบาลอย่าไปยืนหลบหลังข้าราชการประจำ ต้องแสดงท่าทีต่อเรื่องการดำเนินคดีต่อ7 พรรคฝ่ายค้าน เพราะยิ่งปล่อยเวลายาวไป ก็ยิ่งจะทำลายสิ่งต่างๆ ในประเทศ”