‘ธนาธร’ ยักไหล่ ให้คดีความที่ถาโถม พูดติดตลก “เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวขนาดไหน ก็ตอนมาตั้งพรรคนี่แหละ”

ครบรอบ 1 ปีเปิดรับสมัครชิกพรรค ‘ธนาธร’ ยักไหล่ ใส่คดีความที่ถาโถม พูดติดตลก “เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวขนาดไหน ก็ตอนมาตั้งพรรคนี่แหละ”

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 ตุลาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จัดกิจกรรม “มาสิครับผมจะเล่าให้ฟัง” โดยธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. เนื่องในวันที่เปิดรับสมาชิกพรรคครบรอบ 1 ปี ซึ่งเปิดให้สมาชิกพรรค และบุคคลทั่วไปเข้าร่วมรับฟัง ทั้งนี้ยังเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ของเพจ พรรคอนาคตใหม่ – Future Forward Party

โดยภายในงานมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมงานแสดงความคิดเห็นผ่าน มัลติมิเตอร์ ที่เขียนคำผ่านการแสกน และส่งข้อความขึ้นที่จอโทรทัศน์ เช่น สู้ๆ พรรคน้อยร้อยคดี ทุกคนกั๊บ ฯลฯ และยังมีป้าย Yes-No แจกให้กับทุกคน เพื่อแสดงความเห็นต่อประเด็นต่างๆ ที่พูดคุยกัน ทั้งนี้นายธนาธร ใส่เสื้อยืดสีขาวที่เขียนข้อความว่า 6 ตุลาคม (20)19 ‘ไม่ลืม ไม่เกิดซ้ำ’ เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ด้วย

นายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนตั้งพรรคขึ้นมา เราให้ความสนใจกับคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นนี้โตมาในความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นสูง เช่น คนที่เพิ่งเรียนจบตอนอายุ 20 ปี จะเป็นคนที่เกิดในช่วงปี 2540 จะเจอกับเหตุการณ์การเมืองมากมาย การรัฐประหารสองครั้ง และการชุมนุมทางการเมืองใหญ่หลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้จึงแสวงความรู้และอยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก และทำนโยบายที่มาจากการศึกษาอย่างแท้จริง

นายธนาธร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ของพรรคอนาคตใหม่นั้น ส่วนตัวมองว่าเวลานี้มีพรรคการเมืองขึ้นมาหนึ่งพรรค และกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดไม่เคยมีคดีความทั้งแพ่งและอาญามาก่อน แต่พอตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาอยู่มาไม่ถึงปี โดนคดีไปประมาณ 20 คดี ทำให้ตนก็เพิ่งรู้ว่าตนเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตอนมาตั้งพรรค แต่ตนคิดว่าพวกเราที่อยู่ที่นี้น่าจะเข้าใจกันดีว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำ คือ การท้าทายกับอำนาจที่ไม่เป็นธรรมและระบบที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่ต้องแปลกใจที่ระบบนี้ต้องการที่จะล้มเรา เพราะการที่เรามีอยู่หมายถึงการสั่นคลอนความมั่นคงของเขา ดังนั้น พวกเขาต้องพยายามจะรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้ และจำเป็นต้องจัดการกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“พวกเรามั่นใจมากว่าทุกคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เกิดจากมูลเหตุและแรงจูงใจทางการเมืองที่จะทำลายกันทางการเมืองมากกว่าที่จะบอกว่าเราผิดตัวบทกฎหมายจริงๆ ดังนั้น จนถึงตอนนี้ผมมั่นใจว่าคดีทุกคดี ถ้าว่ากันตามกฎหมายจริงๆ จะไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้ คดีเรื่องเงินกู้ คนพูดไปต่างๆ นานา ถ้าใครเป็นนักบัญชีหรือนักกฎหมายจะรู้ว่าเงินกู้นั้นไม่ใช่รายได้ เพราะเงินกู้อยู่ในงบดุล ไม่ได้อยู่ในงบกำไรขาดทุน ถ้าคุณตีความว่าเรื่องนี้ผิด ผมอยากจะรู้ว่าต่อไปนักกฎหมายและนักบัญชีในประเทศนี้จะทำงานอย่างไร พังหมดเลยนะ คุณกำลังเอาเรื่องเดียวมาพังกระบวนการกฎหมายที่ใช้กันมาทั่วโลก ดังนั้น เรื่องนี้ผมพูดจริงๆ ผมยักไหล่ ผมเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเราทำการเมืองโปร่งใสและถูกต้อง” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับ คดีหุ้นวี-ลัก เพราะบริษัทวี-ลักปิดไปตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 และนิตยสารสองเล่มสุดท้ายที่ทำอยู่ คือ นิตยสารที่ทำให้กับนกแอร์และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นการรับจ้างผลิต ไม่ได้เป็นการทำสื่อ ตัวที่ทำสื่อจริงๆ คือ นิตยสาร Who ก็ปิดไปตั้งแต่สองปีที่แล้ว และเรื่องนี้ก็ชัดเจนและเป็นที่เข้าใจในวงการกฎหมายและบัญชีตลอดว่าความสมบูรณ์ของธุรกรรมเกิดขึ้นเมื่อมีการจ่ายเงินและรับเงินและให้ใบหุ้น ธุรกรรมมันสำเร็จไปตั้งแต่แลกเปลี่ยนใบหุ้นแล้ว แต่จะไปแจ้งกระทรวงพาณิชย์เมื่อไหรมันเป็นคนละเรื่อง คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ถ้าไปตีความว่าธุรกรรมสำเร็จเมื่อไปจดทะเบียนพาณิชย์ สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดในประเทศไทยมันผิดหมด

“คุณกำลังเอาธนาธรเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อบอกว่าต่อไปธุรกรรมจะทำสำเร็จต้องไปนับว่าเมื่อไปจดที่กระทรวงพาณิชย์ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะเอากันถึงขนาดนี้ คุณกำลังทำลาย Convention ทางธุรกิจ หลักบัญชีและหลักกฎหมาย คุณกำลังจะทำให้มันพังลงมา ผมเชื่อว่าถ้าตีความตามกฎหมาย จะไม่มีคดีไหนที่เอาผิดเราได้” นายธนาธร กล่าว

ในช่วงสุดท้าย นายธนาธร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เราเชื่อมั่นในความถูกต้องของพวกเรา อย่างคดีที่แจ้งความเอาผิดเราล่าสุดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เราพูดไม่ใช่การแบ่งแยกและไม่ใช่การทำให้สังคมแตกแยกแต่รณรงค์ขั้นพื้นฐานที่ทุกคนในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยควรจะต้องมีสิทธิ แต่เมื่อมีคดีมาเพิ่มอีกคดีก็ไม่เป็นไร ถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้

“ยืนยันว่าเราจะยังจัดเวทีต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเราไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ สังคมไทยไปต่อไม่ได้ เราเดินหน้าไม่ได้ หลังๆ มานี้ผมชักงงว่าไม่รู้ว่าจะต้องไล่คุณประยุทธ์ก่อนหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ถ้าคุณไม่ไล่คุณประยุทธ์ก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ หรือคุณไม่แก้รัฐธรรมนูญก็ไล่คุณประยุทธ์ไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าจะเอาอะไรก่อนดี” นายธนาธร กล่าว

นอกจากนี้นายธนาธรยังได้พูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่เวียนมาครบรอบ 43 ปี ว่า เราควรเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอย การใช้ความรุนแรงของรัฐจนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนในรูปแบบนี้ควรจบสิ้นเสียที นอกจากนี้ ยังได้ให้ทุกคนยืนขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ และร่วมรับชมสารคดีเรื่องราวชีวิตของนักศึกษาที่เสียชีวิตด้วย