ยิ่งลักษณ์ ขึ้นศาลสืบพยานคดีข้าว ลำบากปม ม.44 ยึดทรัพย์ ยังไม่มีประสานคุยปรองดอง

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในวันนี้ศาลได้นัดไต่สวนพยานจำเลย คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ กรณีไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าว โดยมีประชาชนเดินทางมารอพบนางสาวยิ่งลักษณ์ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจเช่นเดิม

โดยในวันนี้มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นพยานจำเลยเข้าเบิกความจำนวน 1 ปาก

ด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีถึงกรณีที่ศาลนัดไต่สวนการขอทุเลาที่กรมบังคับคดีดำเนินการเรื่องยึดทรัพย์ตามมาตรา 44 ว่าระหว่างนี้ผู้ถูกฟ้องขอเลื่อนการส่งคำโต้แย้งคำให้การของผู้ร้องให้ศาล 30 วัน ขณะเดียวกันตนก็ต้องทำคำชี้แจงเพิ่มเติมต่อศาลและได้ส่งคำชี้แจงไปแล้ว โดยรายละเอียดที่ส่งไปชี้แจงว่า คดียังอยู่ในการไต่สวนของคดีอาญาและศาลปกครองได้รับคำร้องไว้แล้ว แต่ขณะนี้กรมบังคับคดีจะต้องดำเนินตามคำสั่งมาตรา 44 ที่จะให้เข้ามายึดและอายัดทรัพย์ได้ทันที เรื่องนี้ทำให้ตนมีความลำบากมากเนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด ทั้งที่ยังไม่รู้ผลคดีอาญาก็จะเป็นการชี้นำ

จึงต้องรอว่าศาลจะมีคำสั่งให้ไต่สวนในวันเวลาใด และในคดีจำนำข้าวยืนยันว่าได้ชี้แจงทุกข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่มั่นใจว่าชี้แจงได้ทุกประเด็น แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้นว่าจะมีการปองร้ายพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ส่วนตัวเคยได้ยินข่าวทำนองนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่เห็นด้วยที่บุคคลใดจะมาใช้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสร้างข่าวลือให้ประชาชนตื่นตระหนก และเชื่อว่าจะไม่มีใครคิดปองร้ายกัน เพราะฝ่ายความมั่นคงก็ดูแลทุกตารางนิ้วของประเทศไทยอยู่แล้ว คงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และหากบ้านเมืองปรองดอง มีความสงบสุขก็คงไม่ต้องกังวล

และเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมาก็ไม่ควรเกิดรัฐประหารและขอให้การทำรัฐประหารครั้งล่าสุดเป็นครั้งสุดท้ายของประเทศไทย ซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้รับการประสานใดๆเกี่ยวกับการเเต่งตั้งคณะกรรมการบริหารราชการ เเผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติเเละการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป.