7พรรคฝ่ายค้านแถลง ฟ้องกลับ คนแจ้ง-คนสั่งการ ไม่หวั่น จับมือ เดินหน้าปลุกแก้รธน.ต่อ

“7 พรรคฝ่ายค้าน” แถลงจุดยืน เดินหน้ารณรงค์แก้ไข รธน. ย้ำ จะใช้ กม. มาปิดปากไม่ได้ พร้อมเตรียมฟ้องกลับ 6 ต.ค.นี้ คนฟ้อง-คนสั่งการ ยาวไปถึงนายกฯ ปมแจ้งความเท็จ

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพท. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคพท.  นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) นายสมพงษ์ สระกวี ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคพท. ร่วมแถลงภายหลังการประชุมแกนนำ 7 พรรค กรณีกอ.รมน. แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำพรรคที่ขึ้นเสวนาบนเวทีรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญที่จังหวัดปัตตานี

โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษโดยกอ.รมน. ซึ่งนายกฯเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้นเท่ากับว่านายกฯเป็นผู้สั่งการให้มีการดำเนินคดี ซึ่งการแสดงความเห็นตามสิทธิเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การใช้กฎหมาย และยังเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย ดังนั้น วันนี้ที่เรารณรงค์กับก็เพื่อต้องการหลอมรวมสติปัญญาของประชาชน เพราะความมั่นคงของประชาชน คือความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ของพล.อ.ประยุทธ์การที่ กอ.รมน.มาฟ้องร้องเช่นนี้ ตัวผู้แจ้งความ และนายกฯ กำลังจะบิดเบือนเจตนารมย์ของกฎหมาย ในฐานะผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค และนักวิชาการ เราจำเป็นต้องฟังความเห็นจากประชาชนทุกคน เป็นการกระทำที่ต้องการข่มขู่ทางวิชาการ ข่มขู่ประชาชน ไม่ให้มีความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งแบบนี้เป็นอันตรายต่อประเทศ ดังนั้น 1.ผู้ถูกกล่าวหาจะต่อสู้ทางกฎหมายหากมีการเรียกไปสอบสวนและ 2.เรามองว่าการแจ้งความเป็นการแจ้งความเท็จในหลายประเด็น เพื่อข่มขู่ ไม่ให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนา และข่มขู่ไม่ให้มีการแสดงความเห็น ซึ่งเราจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แจ้งความเท็จทั้งคนแจ้งความ และผู้มีอำนาจ และจะดูต่อไปว่าจะโยงไปถึงตัวนายกฯได้ด้วยหรือไม่

ขณะที่นายสงคราม กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เรายืนยันว่า เราแสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้มีอำนาจก็พยายามดึงเราให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหมวด 1 และ หมวด 2 ซึ่งเรายืนยันมาตลอดว่า เราจะไม่แตะต้อง นอกจากนี้ การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผ่าน ส.ส.ร. ซึ่งไม่มีใครสามารถไปชี้จุดว่าจะให้แก้แบบไหน อย่างไรได้ และเราไม่เคยบอกเลยว่าจะต้องแก้จุดไหน เราให้เป็นสิทธิของประชาชนว่าต้องการที่จะแก้แบบไหน สำหรับใครบางคนที่ยังไม่เข้าใจ พยายามดึงเราเข้าไปในวังวนของความขัดแย้ง ก็ช่วยพิจารณาด้วย

ด้านนายนิคม กล่าวว่า อย่าคิดว่า ขณะนี้ยังอยู่ในยุค คสช. การแจ้งความประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล เราอยากให้หยุด เพราะตอนนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว แม้จะไม่เต็มใบก็ตาม ทั้งนี้ ส.ส. จาก 7 พรรคฝ่ายค้าน เรามาจากการเลือกตั้งของประชาชน การแจ้งความกับพวกเรา เท่ากับแจ้งความกับประชาชน อยากให้ท่านไปแจ้งความอย่างอื่นมากกว่า แน่จริงก็ไปแจ้งความพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ถวายสัตย์ฯไม่ครบด้วยสิ อย่างไรก็ตาม เราจะเดินหน้าทำงานต่อไป เพราะเราถือว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมนี้ เราจะเดินทางไปแจ้งความกลับ โดยกำลังพิจารณาว่าจะไปที่กองบังคับการปราบปราม หรือที่สถานทีสภ.ปัตตานี

ด้านนายอนุสรณ์ กล่าวว่า เรา 7 พรรคฝ่ายค้านยืนยันเจตนารมย์ที่จะรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยืนยันรัฐธรรมนูญปี 60 แก้ไขได้ และอยู่ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล แต่จะไม่มีการแตะต้องหมวด 1 และ หมวด 2 ดังนั้น จะมาใช้ข้อกฎหมายปิดปากพวกเราไม่ได้