“ภูมิธรรม-กิตติรัตน์” ส่งเสียงสนับสนุน “ชัชชาติ” ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ชี้เป็นคนมีความสามารถ

วันที่ 4 ตุลาคม 2562 กระแสการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังคงเป็นประเด็นที่คนพูดถึงกับบุคคลที่จะเข้ามาเป็นผู้ท้าชิง แม้จะยังไม่มีการประกาศการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตแคนดิเดตชิงนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ได้ประกาศตัวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ ไม่ใช่ในนามของพรรคเพื่อไทย โดยชัชชาติได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การมีแนวคิดจะลงสมัครในนามอิสระ เพราะสามารถทำงานได้กับทุกภาคส่วนมากกว่าลงในนามพรรคการเมือง โดยยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งหรือคิดทรยศพรรคเพื่อไทย และยังคงให้เกียรติพรรคเสมอ เพราะตนเกิดมาจากพรรคเพื่อไทย แต่การทำงานกรุงเทพฯต้องเป็นการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย และการทำงานในนามอิสระ จะช่วยหาแนวร่วมคนที่จะมาร่วมทำงานได้ง่ายขึ้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นของวันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อจุดยืนของนายชัชชาติว่า

หนึ่งเสียงจากใจ..ให้ชัชชาติ

ได้ทราบข่าวคุณชัชชาติตัดสินใจ
อาสารับใช้ชาวกทม.ด้วยการลงชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม.ที่จะมีขึ้นโดยอิสระด้วยเหตุผลว่าต้องการประสานและร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อใช้ศักยภาพและความสามารถที่ตัวเองมีอยู่
ดึงทรัพยากรจากทุกส่วนในสังคม มาช่วยกันทำงานให้ชาว กทม.

คุณชัชชาติเคยเป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเรา เคยทำงานบริหารกระทรวงคมนาคม จนมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับจากทั่วทุกฝ่ายว่าเป็น
“นักการเมืองน้ำดีอีกท่านหนึ่ง”

คุณชัชชาติ เป็นคนที่พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างๆที่จะเกิดขึ้นเท่าที่จะทำได้โดยเฉพาะ ถ้าไม่ใช่เป็นปัญหาหลักการสำคัญที่ประนีประนอมกันไม่ได้

ในขณะเดียวกันก็พยายามรับฟังและดึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ดึงทรัพยากรจากทุกแหล่ง มาเพื่อมุ่งให้งานในความรับผิดชอบสำเร็จ และบรรลุเป้าหมาย ซึ่งทำได้ดีจนเป็นที่ประจักษ์ชัดและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

ดังนั้นการลงชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม.โดยอิสระของคุณชัชชาติ
ผมจึงได้ข้อสรุปแทนใจว่า
“เข้าใจ เห็นใจ และเสียดาย”

แต่ถ้าเราคิดว่าการทำงานการเมือง ในทางอุดมคติ สาระสำคัญที่สุดคือ…
การก่อประโยชน์สูงสุดให้ชาติบ้านเมือง ผมคิดว่าการตัดสินใจของ
คุณ ชัชชาติ “ถูกจังหวะ ถูกที่ ถูกเวลา “ ไม่มีสิ่งใดที่น่าเสียใจต่อการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะ……

ในภาวะที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงใหญ่มีปัญหาที่สั่งสมและสลับซับซ้อนจำนวนมาก อยู่ในสภาพที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย ภายใต้การบริหารที่ไม่มีการบริหาร ปล่อยปละละเลยให้ปัญหาเดิมๆสั่งสมมานานนับสิบๆปี ไม่มีใครมาเอาใจใส่เหลียวแล ปล่อยให้คน
กทม.ต้องเชิญกับภาวะของเมืองใหญ่ที่ไม่มีการบริหารจัดการ เป็นไปตามธรรมชาติและตามยถากรรมเช่นในปัจจุบัน

ถึงเวลาแล้ว….
“กรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยนแปลง”
“ได้เวลา ของกรุงเทพฯ ที่ต้องดีขึ้นกว่าเดิม”

ไม่ว่าผมจะรู้สึกเสียดายคุณชัชชาติ เพียงใด แต่ผมก็จะยังสนับสนุน
คุณชัชชาติ ให้ได้เป็นผู้ว่ากทม.คนใหม่ ที่ผมอยากเห็นด้วยความกระตือรือร้นยิ่ง

“ได้เวลา กรุงเทพฯต้องเปลี่ยนแปลง
ได้เวลา กรุงเทพฯ ต้องดีขึ้นกว่าเดิม”

“1 เสียงของผม มอบให้คุณชัชชาติ จากหัวใจ”
“ผมสนับสนุน ผู้ว่ากทม. ชื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธ์”

เช่นเดียวกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมากล่าวเชิงสนับสนุนว่า หนึ่งเสียงของผม ขอมอบให้คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผมเคยโชคดีมีโอกาสทำงานร่วมกับท่าน ท่านเป็นคนมีความสามารถและรักห่วงใยประชาชน