“อนุทิน”ของขึ้น ด่ากราด “คนกระจอก-หน้าตัวเมีย” ขู่ฆ่านักวิชาการต้านสารเคมี

“อนุทิน” ของขึ้น ด่ากราด “คนกระจอก-หน้าตัวเมีย” ขู่ฆ่านักวิชาการต้านสารเคมี ลั่น “ถ้ามาขู่ผม จะตบให้” ยันจุดยืนเดิม ถ้าไม่จบให้นายก เคลียร์!

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีแพทย์และนักวิชาการรวม 2 คน ซึ่งอยู่ในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสากรรม สภาผู้แทนราษฎร ถูกข่มขู่ ขู่ฆ่าและบีบให้ลาออกจากการต่อต้านการใช้สารเคมีร้ายแรง 3 ตัว คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ว่า เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวไม่บานปลาย เพราะมั่นใจว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง คุณงามความดีของทุกคนที่ทำสิ่งถูกต้องเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพื่อสวัสดิภาพ และสุขภาพที่ดีของประชาชนจะเป็นเกราะป้องกันตัวเรา

“ไม่มีใครทำอะไรได้หรอก คนที่ทำคนที่ไปขู่เขา มันเรียกว่าหน้าตัวเมีย กระจอก แน่จริงมานี่ มาตรงนี้ มาคุยกันเปิดเผย อย่าไปหลบ ไปขู่นักวิชาการแล้วจะได้อะไรขึ้นมา แน่จริงไปขู่มนัญญา หรือมาขู่ผมนี่ หายไปไหนหมด” นายอนุทิน กล่าว และว่า ส่วนเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักวิชาการคงต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ขอให้มั่นใจว่าหากทำสิ่งที่ถูกต้องมันไม่มีทางที่จะทำอะไรได้ แล้วคนที่คิดทำคิดว่าถ้าทำนักวิชาการสองคนนี้ แล้วปัญหามันจะจบหรือ ก็ได้แต่ขู่ คนกระจอกเขาทำแบบนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ายังจะเดินหน้าคัดค้าน3สารพิษ ดังกล่าวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แน่นอน อย่างเมื่อวาน มีจดหมายเขียนมาจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งตนฉีกทิ้งทันที แล้วย้อนถามกลับไปว่าคนเซ็นอ่านหรือเปล่า และเรียกคนที่รับผิดชอบมาบอกว่าให้ไปเขียนใหม่ ว่า กระทรวงสาธารณสุขคัดค้าน ต้องหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่มาบอกว่าให้ตามไปก่อนแล้วค่อยมีมาตรการที่จะหยุดต่อไป

เมื่อถามว่าการกระทำที่ชัดเจนของรัฐบาลคืออะไร นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) และสธ. ชัดเจนขนาดนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือ

เมื่อถามย้ำว่าควรจะต้องออกเป็นพระราชกำหนดเพื่อสั่งแบนสารดังกล่าวเลยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ฝั่งของผมโอเคแล้ว ไปเอาคนที่ไม่โอเคมาให้เรียบร้อยสิ ของผม 51 เสียงแน่นอนอยู่แล้ว คนที่เหลือก็ต้องไปจัดการคนที่อยู่สังกัดตัวเองให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง”

เมื่อถามว่าจะต้องไปพูดคุยกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสากรรมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใครก็แล้วแต่ที่ดูแล เพราะเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน ในเมื่อวันนี้สังคมออกมาขนาดนี้แล้ว ในส่วนของตนและรัฐมนตรีมนัญญา มีความชัดเจนว่าเราเลือกสุขภาพของประชาชน ไม่ต้องมาบอกเรื่องอื่น ได้เงินได้กำไรมาแต่ไม่มีสุขภาพที่ดีแล้วจะมีประโยชน์อะไร ใครจะแลกก็แลก แต่ตนไม่แลกด้วย อย่างไรก็ตาม น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ระบุว่า หาสารทดแทนได้แล้ว ซึ่งตนก็ได้บอกแล้วว่า ถ้าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ของเกษตรกรถึงแม้จะมีราคาสูงเพิ่มมากขึ้นเราก็ต้องหาวิธี โดยรัฐบาลจะต้องมีวิธีช่วยในการชดเชย อะไรที่ให้ประชาชนได้เราก็ให้ได้หมด เงินก็อยู่ในประเทศเศรษฐกิจก็หมุนเวียน เป็นเรื่องดีเสียอีกแต่สิ่งที่สำคัญคือเรื่องสุขภาพของประชาชนดีขึ้น

“ทำไมไม่มีใครออกมาพูดว่า3สารดังกล่าว มันดีอย่างไร เอามาดีเบตกันเลยว่าดีอย่างไร ถ้าบอกว่าดีเพราะต้นทุนถูก แต่คนตายไม่เป็นไรก็ออกมาพูดเลยสิครับ ของพวกนี้ไม่รู้จะแกล้งเซ่อไปถึงไหน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่าเป็นคนกลุ่มใดที่ออกมาข่มขู่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ผมไมรู้ เพราะมันไม่ได้มาขู่ผม ถ้ามาขู่จะตบให้ “

เมื่อถามอีกว่าตามที่ น.ส.มนัญญา ระบุว่าได้หาสารทดแทนได้แล้ว ได้นำเรื่องนี้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่า ท่านคงรายงานของในส่วนของท่านไปแล้ว มันชัดเจนไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว โดยการกระทำของน.ส.มนัญญาก็ชัดเจนอยู่แล้ว และมีท่าทีชัดเจน ถ้าไม่เอาเรื่องนี้ก็ปลดท่านออกไป และคนที่จะปลดเขาคนแรกก่อนนายก ก็คือตน ซึ่งตนไม่ปลดอยู่แล้ว คนทำดีจะปลดได้อย่างไร มีแต่สนับสนุนให้ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าจะขู่ แน่จริงก็ไปขู่พี่ชายของ น.ส.มนัญญา

นอกจากนี้ เมื่อถามว่า ดูเหมือนจุดยืนของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.)​จะชัดเจน​ ต้องการให้ยกเลิกการใช้ 3 สารเคมี แล้วได้พูดคุยกับรัฐมนตรีคนอื่นจากพรรคร่วมรัฐบาลในกระทรวงเกษตรฯ​ หรือไม่ว่าทุกคนมีจุดยืนตรงกัน​ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายแก่​ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ท่านก็สู้เรื่องนี้เต็มที่ โดยเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา เห็นนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ข่าวแล้ว ว่าตัวท่านเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน แต่ท่านมีกระบวนการดำเนินการที่ต้องทำ อย่างไรก็ตาม สังคมจะบอกเองว่าเมื่อไหร่จะทำสักที แต่ในส่วนของตนและพรรคภท.ชัดเจนอยู่แล้ว ขณะที่ตนได้ถามนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ต่อหน้านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง​คมนาคม (คค.) ในสภาฯ โดยวันนั้นนายสุริยะ บอกว่าไม่เอาด้วยเหมือนกัน ดังนั้น ตนก็คิดว่าทุกอย่างชัดเจนเหมดแล้ว ในเมื่อนโยบายเป็นแบบนี้ แล้วฝ่ายปฏิบัติอีก 29 คนยังสวนนโยบาย เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ต้องมาแก้ไข

นายอนุทิน กล่าวถึงหากจุดยืนไม่ตรงกัน จะเป็นปัญหาในการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นว่า เรามีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถ้าตกลงไม่ได้ นายกฯก็เคาะมาเท่านั้น แต่ตนเชื่อมั่นว่านายกฯ จะยืนข้างพี่น้องประชาชนและชาวเกษตรกร ยืนข้างสุขภาพที่ดีของคนไทย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นายกฯ ได้เดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 74 ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังได้นำเรื่องระบบสาธารณสุขไทย ไปเล่าอย่างภาคภูมิใจ เมื่อกลับมาเมืองไทย ยังได้นำมาเล่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าประเทศไทยมีระบบการจัดการด้านสาธารณสุขที่ดูแลพี่น้องประชาชนได้ดีอย่างไร และต้องทำให้ดียิ่งขั้น และท่านพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ดังนั้น ตนจึงต้องเชื่อมั่นว่าท่านนายกฯ ไม่มีทางเลือกในทางเลือกอื่น นอกจากต้องเลือกประชาชน

เมื่อถามว่าต้องมีการพูดคุยกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า คุยแล้ว และพูดตรงนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ไม่เปลี่ยน ยังคงยืนยันจุดยืนเดิม

เมื่อถามว่าจะมีวิธีการอื่นอีกหรือไม่ ที่จะสามารถหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้ทันที นายอนุทิน ก็ประชุมแล้วก็โหวตว่าไม่เอา แค่นั้นเอง ส่วนที่เคยยืนยันว่าจะดำเนินการยกเลิกสารเคมีภายในปี 2562 นั้น ตนไม่ได้เป็นกรรมการ แต่ได้ประกาศนโยบายชัดเจนแล้ว ผู้แทนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ต้องรับนโยบายนี้ไป ซึ่งเขาต้องเอานโยบายสธ. ไปโหวต ซึ่งก็ไม่มีทางเลือกอื่น และหากมีการโหวตขอให้มีการโหวตแบบเปิดเผย

“อย่าทำเป็นเรื่องลับ เพราะเรื่องดีๆ แบบนี้ ต้องโหวตแบบเปิดเผยเท่านั้น จะได้รู้กันไปเลยว่าใครรักประชาชน และใครเกลียดประชาชน แมนๆ หน่อย” นายอนุทิน กล่าว