7 พรรคฝ่ายค้านลงปัตตานี ดึงประชาชนร่วมแก้รธน.เจ้าปัญหาอีกครั้ง

7 พรรคฝ่ายค้าน ลุย “ปัตตานี” จัดเสวนา นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ “สมพงษ์” หยอดชาว 3 จังหวัดใต้เป็นต้นแบบไม่เอารธน. 60 “ทวี” บอก หยดหมึกของนักปราชญ์จะสร้างสันติสุข วันนอร์” วอน “บิ๊กตู่” ลาออก เพราะเป็นคนแรกที่สร้างปัญหา “ธนาธร” ฟุ้ง บริหารงบได้ดีกว่ารัฐบาล แก้ รธน. คือทางออกเดียว

เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (28 กันยายน 2562) ที่ลานวัฒนธรรม หน้าศาลากลาง จ.ปัตตานี 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดกิจกรรมฝ่ายค้านเพื่อประชาชน สัญจรภาคใต้ โดยจัดการเสวนา “พลวัฒแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” มีแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ และตัวแทนพรรคเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงนักวิชาการเข้าร่วมเสวนา มีประชาชนสนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

โดย นายสมพงษ์ กล่าวว่า พวกเรา 7 พรรคอยากเสาะหาข้อมูล ปัญหาของประชาชนเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง ตั้งแต่มีการเลือก มีส.ส. แต่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้เราทำงานเพื่อประชาชนได้เลย นี่คือความผิดเพี้ยนของรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมา เรื่องรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องหาคนออกมาพูด มาบอกกล่าว และหาแนวทางในการแก้ไข อย่างพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่แสดงจำนงในการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 60 เราเองเสียอีกที่มีความรู้สึกช้า ไม่สามารถอธิบายปัญหาของรัฐธรรมนูญได้แบบที่ผู้ใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะขณะนั้นมีทั้งกฎอัยการศึกและกฎต่างๆทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้หาเสียงอยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ได้คะแนนเสียงมาเพียง 15 ล้านกว่าเท่านั้น จากนี้ตนอยากฝากพวกท่านในฐานะแม่บทในการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญผลักดันให้รัฐบาลมีแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ปกติประชาชนจะเมินเฉยต่อการบัญญัติกฎหมาย ปล่อยให้อยู่ในอุ้งมือของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการรัฐประหารที่ผ่านมาเรามีกฎหมายออกมากว่า 400 ฉบับ และแทนที่กฎหมายจะออกมาเพื่อคุ้มครองประชาชน แต่กลับเป็นการออกมาเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้มีอำนาจ ให้ประโยชน์ต่อคนกลุ่มนั้น ตามประวัติศาสตร์สังคมใดสามารถบังคับให้คนทำตามได้ทุกเมื่อ ทุกโอกาส สังคมนั้นคือการกดขี่ การจะสร้างสันติสุขสังคมต้องมีความเข้าใจ ต้องมีพลวัตเราจะไม่ใช้เลือดของนักรบแต่เราจะใช้หยดหมึกของนักปราชญ์มาสร้างรัฐธรรมนูญที่สร้างสันติสุข

นายสงคราม กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ไม่ใช่แก้เพื่อ 7 พรรคฝ่ายค้าน แต่ต้องเป็นการแก้ของประชาชนทุกคน คนที่จะมาแก้คือประชาชน ต้องตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ 7 พรรคฝ่ายค้านเป็นเพียงผู้ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราไม่เคยพูดรายละเอียดว่าจะแก้จุดไหนเพราะเป็นหน้าที่ของประชาชน คนไทยทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้นประชาชนทั้งหลายต้องส่งตัวแทนเข้ามา แต่ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้จับคนหนึ่งเข้ามาแล้วบอกเป็นตัวแทนของคนกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ไม่เอา และรัฐบาลเองพยายามพูดให้คนเข้าใจผิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีต้องแก้ไขเศรษฐกิจก่อน ก่อนหน้านี้อยู่มา 5-6 ปีทำไมไม่แก้ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นหน้าที่ที่ของฝ่ายบริหารคือรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญคือฝ่ายนิติบัญญัติ คือส.ส.คนละส่วนกันแล้วประชาชนจะเป็นผู้แก้ขออย่าไปหลงทางตามที่เขาพูด

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าขอคารวะชาวปัตตานีที่ลงประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้สูงที่สุดในประเทศไทย รวมถึงชาวยะลา และนราธิวาส ที่ไม่รับรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน วันนี้ปรากฏชัดว่าวิสัยทัศของคน 3 จังหวัดกว้างไกล เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือว่ามีปัญหา เรารู้ว่าเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหนและพยายามช่วยกันแก้ ส่วนตัวมองว่า ทั้งรัฐธรรมนูญและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม มีปัญหาพอๆกัน แต่ไม่รู้จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปก่อนดี แต่ส่วนตัวอยากเรียกร้องว่า ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกเพราะเป็นคนแรกที่สร้างปัญหา ถ้าท่านยังดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไป โอกาสการแก้ปัญหาของประเทศจะมืดมน โอกาสการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะลำบาก เรา 3 จังหวัดยากจนจนเคยชินแล้ว ขออย่าให้คนในประเทศที่เหลือยากจนจนต้องกอดคอกันตาย ปัญหาของประเทศไม่ใช่ปัญหาของประชาชนไม่รักประเทศไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แต่ปัญหาของประเทศเราอยู่ที่ผู้นำและองค์คาพยพที่ค้ำจนรัฐบาลนี้ ส่วนตัวเห็นว่าประชาธิปไตยของประเทศจะเบ่งบานขึ้นหากพล.อ.ประยุทธ์ เสียสละลาออก เมื่อท่านลาออกแล้วเชื่อว่าองค์กรอิสระต่างๆจะทำงานได้อิสระขึ้น กระบวนการยุติธรรมจะไม่ถูกแทรกแทรง จะทำงานได้อิสระมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ส.ว.จะได้เลิกทำหน้าที่ทดแทนบุญคุณที่เลือกเขามา เขาจะได้ใช้สติปัญญาแก่ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แก้ไขกฎหมายให้ประชาชนได้ประโยชน์ เชื่อว่าส.ว.มีสมองสติปัญญา แต่บุญคุณค้ำหัวอยู่ ดังนั้นมองว่าพล.อ.ประยุทธ์ควรลาออก

นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอเริ่มจากอะไรที่จับต้องได้คือการลงทะเบียนซิมการ์ด 2 แชะอัตลักษณ์ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทุกท่านเกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 36 ระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกัน มาตรา 26 ก็ระบุให้การคุ้มครองประชาชนไม่ให้ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน เพราะถ้าไม่ลงทะเบียนจะใช้ซิมการ์ดไม่ได้ นี่คือการบีบบังคับ แต่ปัญหาคือ ทำไมประเทศไทยมีกลุ่มบุคคลหนึ่งที่สามารถทำอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญแล้วไม่ถูกลงโทษ เช่นถวายสัตย์ไม่ครบก็ไม่ต้องรับโทษ เป็นพวกเราทำแบบนี้บ้างป่านนี้ติดคุกไปแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจกับกลุ่มบุคคลหนึ่งพิเศษ อยู่เหนือกฎหมาย ส่วนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 15 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนกว่า 4000 คนเสียชีวิตจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราไม่เห็นสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลายท่านบอกว่า อยากให้มีการปกครองแบบพิเศษ ตนคิดว่าทุกที่ ทุกจังหวัดมีความพิเศษ มีความหลากหลาย แต่รัฐที่แข็งทื่ออย่างรัฐไทย พยายามเอากฎกติกา ความคิด ความเชื่อแบบเดียวกันบีบบังคับให้คนต้องเชื่อ นี่คือต้นตอของปัญหา และงบประมาณที่ใช้ 15 ปี สูงถึง 3 แสนล้านบาท หากเรานำงบประมานจำนวนนี้มาพัฒนาโรงเรียน การคมนาคม โรงงานแปรรูปยางพารา ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจะแก้ปัญหาความรุนแรงได้ดีขึ้น หากให้ 7 พรรคใช้งบประมาณจำนวนนี้จะสามารถพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปไกลกว่านี้ได้อย่างแน่นอน

นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้ไม่มีพลวัตในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดใช้แดนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรัฐประหารปี 57 มีแต่การใช้มาตรการด้านความมั่นคง มองประชาชนเป็นศัตรู ตราบใดที่ยังไม่มีความเป็นธรรม ย่อมไม่มีสันติภาพ ที่ใดยังมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ เราจะไม่มีทางแก้ปัญหาได้ สิ่งที่ขาดหายไปคือกระบวนการสันติภาพ เราต้องกลับมาคิดใหม่ว่าแก่นกลางของการแก้ปัญหาต้องใช้มาตรการทางการทูต การเมือง และมาตรการทางเศรษฐกิจเป็นตัวสนับสนุน แล้วเอามาตรการทางความมั่นคงดูแลความเรียบร้อยรอบนอก และเราจะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เลยถ้าปัญหาเรื่องโครงสร้างอำนาจในสังคมไทยยังไม่ถูกแก้ไขว่าใครเป็นเจ้าของอำนาจ เราไม่มีอำนาจในการกำหนดอนาคตของเราเอง อำนาจทุกอย่างถูกนำไปกองไว้ที่กรุงเทพฯ และธรรมนูญฉบับนี้ คือรัฐธรรมนูญที่กุมอำนาจไว้ที่กองทัพ ใช้ความมั่นคงกดขี่ประชาชนทุกจังหวัด นี่คือรัฐธรรมนูญที่ออกหัวพล.อ.ประยุทธ์ชนะ ออกก้อยประชาชนแพ้ วันนี้ประเทศไทยไม่มีกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เราต้องมีกติกาที่จะอยู่ร่วมกันได้ภายใต้แนวคิดที่หลากหลาย ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวนว่ากติกาแบบไหนที่ทุกฝ่ายจะยอมรับร่วมกัน เราไม่ได้เรียกร้องให้ประชาชนทั้งประเทศคิดเห็นไปในทางเดียวกันเพราะเป็นไปไม่ได้ แต่เราบอกว่าอย่างน้อยที่สุดเรามาเคารพกติกาเดียวกันยังไม่สายเกินไป แต่ถ้าวันนี้เราไม่แก่รัฐธนรมนูญสังคมจะเดินไปสู่ทางตัน การแก้รัฐธรรมนูญเป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทย

น.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า พอทราบผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ตนรู้สึกภาคภูมิใจในตัวพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้เราจะมาช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พวกเราได้ตั้งเครือข่ายคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) โดยจะเคลื่อนไหวให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะรธน. 60 ไม่เห็นหัวประชาชน จึงมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไข และส่วนปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นความเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาอย่างได้ผล เพราะเอื้อต่อการสร้างการมีส่วนร่วม การคุ้มครองเสรีภาพ ฉะนั้นภายใต้ระบอบคสช. สถานการณ์ชายแดนใต้ไม่มีทางดีขึ้น และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาชายแดนใต้ได้ เพราะสาเหตุหลักเป็นผลพวงของความรู้สึกถึงความไม่ชอบธรรม ความคับข้องของคนที่รู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง การใช้กฎหมายพิเศษของรัฐ รวมถึงเรื่องแนวคิด และอุดมการณ์เรื่องการแบ่งแยกดินแดน ทั้งหมดเกี่ยวพันกับปัญหาอื่นๆ แต่รัฐมีแนวทางแก้ปัญหา คือ 1.การใช้กำลังทหารและตำรวจ ในการรักษาความมั่นคง 2.การพัฒนาพื้นที่คุณภาพชีวิต และ3.การส่งเสริมทางสังคมวัฒนธรรม ซึ่งเราพบว่าแนวทางดังกล่าวมีปัญหามาก เพราะแนวทางเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จของกองทัพ ซึ่งที่จริงไม่ควรเป็นงานด้านความมั่นคง แต่ทหารกลับมามีอำนาจ และมีบทบาทในทุกด้าน

อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาของประเทศไทย อาจไม่ต้องอยู่กันเป็นรัฐเดี่ยวหรือรวมศูนย์ก็ได้ การแก้รัฐธรรมนูญอาจแก้มาตรา 1 ด้วยก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร