“พิชัย” ให้คนรุ่นใหม่ตัดสิน ยุทธศาสตร์ทำไทยถอยหลังแค่ไหน ชี้ที่ประเทศไม่ไปไหนเพราะ“บิ๊กตู่” ไม่รู้เรื่อง

“พิชัย” ให้ คนรุ่นใหม่ ตัดสิน ยุทธศาสตร์ “บิ๊กตู่” ทำไทยถอยหลังขนาดไหน ชี้ ไทยยังไม่สามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงได้เพราะนายกฯ ไม่รู้เรื่อง แนะ สังคมควรแลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆแบบ อีลอน มัสก์ พบ แจ๊ค มา ไม่ใช่ ธรรมนัส พบ เอ๋ปารีณา

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในงานเสวนา “ยุทธศาสตร์ชาติกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในศตวรรษที่ 21”จัดโดยนักศึกษาสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ว่า ทุกประเทศควรต้องมียุทธศาสตร์ แต่ไม่ใช่ใช้ยุทธศาสตร์เป็นเครื่องมือในการจัดการฝั่งตรงข้าม และยุทธศาสตร์จะต้องปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วตามสภาวะโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

โดยก่อนอื่นต้องให้คนรุ่นใหม่ได้คิดและตัดสินกันว่าทิศทางของประเทศไทยในปัจจุบันมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องหรือไม่ ประเทศไทยภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ที่บริหารมากว่า 5 ปี ทำประเทศเดินหน้าหรือถอยหลัง โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งสถานการณ์กลับยิ่งย่ำแย่ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง โดยเศรษฐกิจไทยกลับมาทรุดหนักใหม่ ครึ่งปีแรกโตเพียง 2.6% และปีนี้ไม่น่าจะโตถึง 3% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้ง หนี้เสีย และการจ้างงานของนักศึกษาที่กำลังจะจบ อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณที่ย่ำแย่ ซ้ำเติมด้วยสงครามการค้า และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นจากการใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย

ส่วนยุทธศาสตร์ 20 ปี อยากให้แยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือข้อกฏหมายที่กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่มี พลเอกประยุทธ์เป็นประธานพร้อมผู้นำเหล่าทัพ และคนในรัฐบาล สามารถยื่นให้ ปปช. หยุดการดำเนินงานของทุกหน่วยงานรวมถึงรัฐบาลได้ หากเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลขัดต่อยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งชัดเจนว่ามีจุดประสงค์เพื่อจัดการฝั่งตรงข้าม เพราะปัจจุบันรัฐบาลบริหารประเทศเละซะยิ่งกว่าเละ ทั้งแจกเงิน สะเปะสะปะ ทั้งเศรษฐกิจย่ำแย่ ไม่มีทิศทางที่จะพัฒนาได้ ภาวะสังคมเสื่อมทราม รัฐมนตรีบางคนมีข้อครหา และอาจมีคุณสมบัติต้องห้าม แต่คณะกรรมการยุทธศาสตร์กลับนิ่งเฉย ดังนั้นควรยุบทิ้งและแก้รัฐธรรมนูญในหมวดนี้

ส่วนที่สองในเรื่องเนื้อหานั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่ อาศัยการคัดลอกมาจากแนวทางของสภาพัฒน์มาเกือบทั้งหมด สิ่งสำคัญคือแนวคิดและแนวทางปฏิบัติต่างกับที่เขียนไว้อย่างสิ้นเชิง ประเทศไทยในปัจจุบันไม่สามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกตามที่เขียนไว้ได้ เพราะพลเอกประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ขนาดเรื่องง่ายๆยังคิดไม่ได้ เช่น ปัจจุบันยังจะกล้าขู่ว่าจะเอาประยุทธ์คนเก่า หรือคนใหม่ แค่นี้ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องยากๆในอนาคตแล้ว อีกทั้ง ยังบ่นอีกว่าไปไหนประชาชนขอแต่เงิน โดยไม่ได้สำนึกเลยว่าเพราะประชาชนลำบากใช่หรือไม่ถึงต้องขอ และถ้าเดือดร้อนไม่ขอรัฐบาลแล้วจะให้ไปขอใคร อีกทั้งตัวรัฐบาลเองก็แจกเงินสะเปะสะปะมาตลอด พึ่งแจกเงินให้คนเที่ยวเอง ชาวบ้านก็ต้องคิดว่าต้องแจกเงินช่วยเหลืออีกได้ และในขณะประชาชนลำบากในภาคอีสาน แต่นายกกลับบินลงภาคใต้ เป็นต้น ทั้งนี้ยังไม่นับแนวคิดแปลกประหลาดเช่น น้ำท่วมจะให้เลี้ยงปลา ที่พูดแล้วพูดอีก ซึ่งต้องถามคนอุบลฯว่านำ้ท่วมตอนนี้จะเลี้ยงปลาได้หรือไม่ ขนาดน้ำดื่มยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจนต้องออกมาด่าเลย

นอกจากนี้ ต้องถามว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์รวมถึงวุฒิสภาชิกที่เลือกมามีความรู้เรื่อง Ai, Robotic, Blockchain, Cryptocurrency etc ในสัดส่วนแค่ไหนที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ หรือแทบจะไม่รู้กันเลย จากสภาวะที่เป็นอยู่ คนรุ่นใหม่คงจะพอตอบกันได้

ดังนั้นยุทธศาสตร์ชาติจะเขียนให้เลิศหรูอย่างไรก็ได้ แต่ผู้นำจะต้องมีความสามารถทำให้คนเชื่อได้ว่าประเทศกำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง อย่างเช่น นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์พูดถึง Design Thinking ที่สร้างแนวคิดที่ดีให้กับประชาชนตามที่ได้ออกแบบไว้ทำให้ประเทศสิงคโปร์พัฒนาก้าวหน้ามาได้ ซึ่งต้องเป็นผู้นำที่ฉลาดและเก่งต่างกับผู้นำของไทยในปัจจุบัน และคนในประเทศควรจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแนวทางสมัยใหม่อย่างเช่นที่ การสนทนาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของ นายอีลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งเทสล่าและ สเปซ เอ็กซ์ กับ แจ๊ค มา อภิมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งอาลีบาบา มากกว่าจะมาแลกเปลี่ยนเรื่องมั่วๆของ ธรรมนัส และ เอ๋ ปารีณา เป็นต้น