เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) (ฉบับที่…) พ.ศ. … เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรโดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีสาระสำคัญ ดังนี้ มาตรา 5 กำหนดให้ผู้กู้ยืมเงินภายหลังที่สำเร็จการศึกษา อาจเลือกทำงานให้รัฐแทนการชำระกู้ยืมเงิน และให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยนับแต่วันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ และมาตรา 6 กำหนดให้กรณีที่ผู้กู้ยืมสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และได้รับผลการศึกษาในระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สามารถแปลงหนี้เงินกู้เป็นทุนการศึกษาโดยไม่ต้องชำระเงินได้นั้น เรื่องนี้ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. เป็นผู้ดูแล ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นตนยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนตัวเห็นว่า การปรับแก้พ.ร.บ.กยศ. ต้องดูความเหมาะสมให้รอบด้าน โดยเฉพาะการสร้างวินัยให้กับผู้กู้ สนับสนุนให้เป็นลูกหนี้ที่ดี ชำระหนี้ตรงเวลา รวมถึงต้องมีมาตรการกำกับดูแลผู้กู้ที่มีปัญหาด้วย

ด้านนางกนกวรรณกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยแน่นอน เพราะเป็นนโยบายที่พรรค ภท. สัญญาไว้กับประชาชน ส่วนรายละเอียดจะทำอย่างไรให้เด็กได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ต้องใช้เวลาในการพิจารณา โดยต้องดูแลให้ครอบคลุม ซึ่งตนขอดูรายละเอียดก่อน

นายฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (มร.สส.) กล่าวว่า ข้อเสนอปรับแก้ พ.ร.บ.กยศ.ของพรรค ภท. ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งหลายข้อตนเห็นด้วย อาทิ การกำหนดให้ผู้กู้ยืมสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และได้รับผลการศึกษาในระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สามารถแปลงหนี้เงินกู้เป็นทุนการศึกษา โดยไม่ต้องชำระเงินได้เป็นอีกทางหนึ่งที่ส่งเสริมให้นักศึกษาพัฒนาตนเอง ตั้งใจเรียนขึ้น ส่วนการกำหนดให้ผู้กู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้ว อาจเลือกทำงานให้รัฐแทนการชำระกู้ยืมเงินนั้น ตนเห็นด้วยในหลักการ แต่ควรมีวิธีปฏิบัติที่แน่นอน และควรมีกระบวนการหล่อหลอมสร้างจิตสำนึก เพื่อให้นักศึกษารู้สึกอยากทำงานตอบแทนรัฐไม่ลาออกกลางคันด้วย ไม่เช่นนั้นอนาคตอาจจะเกิดปัญหาลาออกภายหลัง

“การกำหนดให้เงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องดี เพราะนักศึกษาบางคนที่กู้ยืม กยศ.ไม่มีรายได้ ต้องออกทำงานพิเศษระหว่างเรียน เพื่อให้ตัวเองมีเงินใช้จ่าย เชื่อว่าถ้า กยศ.ปล่อยกู้แบบปลอดดอกเบี้ย โอกาสที่นักศึกษาจะเบี้ยวหนี้ต่ำลง และนักศึกษาจะรับผิดชอบหนี้สินมากขึ้นกว่าเดิม” นายฤาเดชกล่าว