สำนักข่าวเอพีรายงานว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชาวฮ่องกงนำโดยนายโจชัว หว่อง เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการว่าด้วยเรื่องจีน สภาคองเกรสหรัฐ ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 17 กันยายน โดยชี้แจงถึงสถานการณ์ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ซึ่งกลุ่มนักเคลื่อนไหวยังร้องขอให้สหรัฐสนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวฮ่องกงด้วยการสั่งห้ามการส่งออกอุปกรณ์เครื่องมือของตำรวจที่จะนำไปใช้ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงและให้สหรัฐจับตาจีนอย่างใกล้ชิดในความพยายามที่จะทำลายเสรีภาพพลเมืองของชาวฮ่องกงด้วย

นายโจชัว หว่อง แกนนำนักเคลื่อนไหวก่อเหตุประท้วง “ปฏิวัติร่ม” ในฮ่องกงในปี 2557 กล่าวต่อคณะกรรมาธิการสหรัฐว่า ฮ่องกงเป็น”รัฐตำรวจ” ที่การชุมนุมประท้วงทุกครั้งกลายเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นผลให้ตำรวจใช้กำลังจับกุมรุนแรงและการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงมีขึ้นท่ามกลางกองกำลังทหารจีนจ่อประชิดแนวชายแดนฮ่องกง

ด้านนายซันนี เฉิง นักเคลื่อนไหวอีกราย กล่าวว่า กลุ่มผู้ประท้วงหนุ่มสาวในฮ่องกงต้องเผชิญกับตำรวจปราบจลาจลโดยถือจดหมายอยู่ในมือ เป็นพินัยกรรมสุดท้ายที่พวกเขาเชื่อว่าสิ่งเดียวที่จะจำกัดเสรีภาพของพวกเขาได้คือความตายเท่านั้น

ขณะที่เดนิส โฮ นักร้องดังฮ่องกงที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยกล่าวว่า มีชาวฮ่องกงที่ถูกจับกุมตัวไปในเหตุประท้วงมากกว่า 1,500 คน ซึ่งรวมถึงเด็กอายุ 12 ขวบ และยังมีอีกจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกตำรวจยิงด้วยแก๊สน้ำตา กระสุนยาง การฉีดน้ำและใช้กระบองเข้าสลายกลุ่มผู้ประท้วง นักร้องสาวคนดังยังกล่าวว่าการข่มขู่คุกคามของจีน ยังทำให้หลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึงประเทศอย่างออสเตรเลียและแคนาดา เลิกให้การสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง

ด้านนายเจมส์ แมคโกเวิร์น ส.ส.จากพรรคเดโมแครตชี้ว่า แก่นสำคัญของความไม่พอใจของผู้ประท้วงชาวฮ่องกงคือการที่ผู้นำทางการเมืองไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชน แต่กลับไปฟังเสียงของรัฐบาลจีนแทน