‘วิญญัติ’เตรียมยื่นฎีกาหลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้นับโทษจำคุก’จตุพร’ต่อ

‘วิญญัติ’เตรียมยื่นฎีกา หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้นับโทษจำคุก “จตุพร” หมิ่นประมาทต่อ ชี้ ในคำสั่งศาลฎีกาที่สั่งจำคุกถึงที่สุดไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อ

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความที่ว่าความตั้งแต่ศาลชั้นให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวภายหลัง ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ให้นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 4907/ 55 และยกเลิกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดเลขที่ อท 229 / 61 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 เเละพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดใหม่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไปว่า คดีนี้มีที่มาคือ ทนายโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ในคดีที่ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาจำคุกนายจตุพรในคดีที่หมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในคดีนั้นนายจตุพรก็ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลอยู่นั้น แต่ต่อมาศาลฎีกาก็ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทอีกคดีหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ฟ้องโดยศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายจตุพรเช่นเดียวกันกับคดีแรก

ซึ่งการอ่านคำพิพากษาในคดีหลังนั้นอยู่ระหว่างที่นายจตุพรถูกคุมขังตามคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีแรก ศาลชั้นต้นเห็นว่าตัวนายจตุพรถูกคุมขังอยู่ จึงออกหมายจำคุกและให้นับวันรับโทษคร่อมไป ซึ่งพอนายจตุพรได้รับโทษจำคุกครบกำหนดทั้งสองคดีแล้ว ต่อมาทนายความของนายภิสิทธิ์ได้ยื่นอุทธรณ์ว่าที่ศาลชั้นต้นออกหมายลงโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อจากคดีแรกนั้นไม่ชอบและเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่มีข้อโต้แย้งอยู่

วันนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับว่าศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายจำคุกโดยมิชอบเท่ากับว่าหากเป็นเช่นนั้นนายจตุพรจะต้องติดคุกเพิ่มขึ้นอีก 11 – 12 เดือน ทั้งที่อาจขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้ลงโทษจำคุกนายจตุพรในคดีที่สองโดยไม่ได้มีคำพิพากษาให้นับโทษนายจตุพรต่อจากคดีแรก เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องหาข้อยุติ เมื่อศาลฎีกาไม่ได้พิพากษาให้นับโทษต่อจะไม่สามารถนับโทษต่อได้

วันนี้จึงยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายจตุพรในระหว่างยื่นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายนี้เพราะหากวันนี้นายจตุพรถูกคุมขังไประหว่างฎีกา และสุดท้ายหากศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ขึ้นมา จะถือว่าเรื่องนี้เป็นโทษและเสียหายกับจำเลย และอาจเป็นกรณีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ถึงที่สุดได้โดยการแก้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ออกหมายจำคุกคดีถึงสุดได้ตนจึงมองว่า ต้องยื่นฎีกาว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะตนก็เข้าใจว่าอำนาจในการออกหมายจำคุกเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น เรื่องนี้จึงควรขึ้นสู่ศาลฎีกาให้มีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่าการออกหมายบังคับตามคำพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์มองว่าเป็นการผิดหลงและมีคำพิพากษาแก้เป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ตนจึงต้องฎีกาปัญหานี้ต่อไป ทั้งนี้ จึงขอความเมตตาขอศาลอาญาให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกาด้วย

“คดีวันนี้ผมเห็นว่าศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้ลงโทษจำคุกก็จริงแต่ไม่ให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้นับโทษต่อได้หรือไม่” นายวิญญัติกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้อยู่ระหว่างศาลพิจารณามีคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายจตุพรระหว่างฎีกาโดยมีการยื่นหลักทรัพย์ 200,000 บาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราว