นายกฯสมาคมสับปะรดมึน เจ้าหน้าที่แรงงานแนะแจ้ง “เฉลิมชัย” ช่วยแก้ไขหลักเกณฑ์จ้างแรงงานต่างด้าว

จากกรณีสมาคมอุตสาหกรรมสับปะรดไทยทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบว่าโรงงานสับปะรดกระป๋องทุกแห่ง ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะหยุดการผลิตสับปะรดฤดูกาลปี 2562 และ 2563 จนกว่ากรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงงาน จะแก้ไขข้อกำหนดการจ้างแรงงาน หลังจากกำหนดให้โรงงานที่ผลิตสินค้าเกษตรและจ้างแรงงานต่างด้าว จะต้องทำบันทึกข้อตกหรือเอ็มโอยูกับบริษัทจัดหางาน ต้องทำสัญญาจ้างแรงงานตลอด 12 เดือน มีค่าใช้จ่ายเป็นรายบุคคลอีกไม่เกินคนละ 10,000 บาท เนื่องจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับการทำธุรกิจแปรรูปสินค้าเกษตรตามฤดูกาล

วันที่ 12 กันยายน นายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมสับปะรดไทย เจ้าของโรงงานแปรรูปสับปะรดส่งออกที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พี่ชายนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งหนังสือด่วนที่สุดถึงนายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการ เจ้าหน้าที่ด้านการบุคคลของผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปสับปะรดกระป๋องทุกแห่งในจังหวัด ร่วมประชุมที่สำนักงานสวัสดิการฯ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการจ้างงานในกิจการประเภทการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 พระราชกำหนด(พรก.) การบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 เกี่ยวกับสัญญาจ้างและสิทธิตามกฎหมายของลูกจ้าง ผลการประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่มีข้อยุติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการฯยืนยันว่า หากหน่วยงานระดับกระทรวงไม่แก้ไข เมื่อเจ้าหน้าที่รับแจ้งก็จะต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะที่ตัวแทนจากสำนักงานจัดหางานมีความเห็นแตกต่าง โดยพยายามพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน

“ระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานสวัสดิการฯได้แนะนำผมว่า เพื่อความรวดเร็วให้แจ้งน้องชายที่ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ประสานกับรัฐมนตรีแรงงานเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อออกเป็นกฎกกระทรวง ผมทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่แนะนำใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้ว ส่วนตัวไม่ติดใจในข้อแนะนำในลักษณะนี้ แต่ได้บันทึกเสียงการประชุมเพื่อนำหลักฐานเป็นแผ่นซีดี ไปมอบให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณาแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ในสังกัด ผมยืนยันว่าถ้าจะให้น้องชายช่วย ผมคงไม่มาเสียเวลานั่งประชุม เรื่องนี้ไม่เคยคุยกับน้องชายเพื่อขอให้ช่วยเหลือ ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้มีข้อยุติก่อนโรงงานจะต้องเปิดสายการผลิตอย่างช้าสุดกลางเดือนตุลาคมนี้ เพื่อลดภาระด้านการลงทุน เพราะถ้าหากมีการใช้หลักเกณฑ์ที่กำหนด โรงงานที่เปิดสายการผลิตต้องลดราคารับซื้อสับปะรดหน้าโรงงานกิโลกรัม(กก.) ละ 1.00-1.50 บาท จากราคาปกติ เพื่อให้คุ้มกับต้นทุนการผลิต ยืนยันว่าการปิดโรงงานไม่ใช่คำขู่ หรือต่อรองด้วยการเอาชาวไร่สับปะรดเป็นตัวประกัน”นายวิรัชกล่าว

นายสุรัตน์ มุนินทรวงศ์ นายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย กล่าวว่า ได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ เร่งรัดแนวทางแก้ไขปัญหา หากโรงงานสับปะรดกระป๋องและกระทรวงแรงงาน ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องค่าจ้างแรงงานต่างด้าว โดยไม่เปิดสายการผลิตตามปกติ หรือการเปิดโรงงานล่าช้าจะมีผลกระทบกับชาวไร่ทันที แม้ว่าต้นฤดูกาลผลิตจะมีผลผลิตสับปะรดไม่มาก นอกจากนั้นหากโรงงานยอมเปิดสายการผลิต โดยยอมรับเงื่อนไขค่าใช้จ่ายเพิ่ม ผู้ประกอบการโรงงานจะต้องลดต้นทุนการผลิตด้วยการลดราคารับซื้อวัตถุดิบ จะส่งผลกระทบกับต้นทุนการผลิตของชาวไร่ ขณะที่ราคารับซื้อก่อนปิดโรงงานสับปะรดราคา กิโลกรัม(กก.)ละ 7 – 8 บาท จากการประเมินเชื่อว่าราคารับซื้อช่วงแรกคงผันผวนจากเดิมไม่มาก และแต่ละโรงงานจะตั้งราคาซื้อวัตถุดิบจากผลของการระบายสินค้าเก่าที่ผลิตไว้แล้วในสต๊อคก่อนปิดโรงงานเมื่อ 2 เดือนก่อน