ฎีกาตัดสินจำคุก อดีตแกนนำ นปช.คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิท 51 “ไวพจน์ พปชร.” โดนด้วย

วันที่ 11 กันยายน 2562 ศาลจังหวัดพัทยา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กับพวก รวม 13 คน เป็นจำเลย ในข้อหาร่วมกันขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ไม่ให้มีการชุมนุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไป และ ผิด พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522

จากกรณีเมื่อวันที่ 10-11 เม.ย.2552 จำเลยกับพว เข้าปิดล้อมหน้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา แล้วบุกเข้าในโรงแรม เพื่อยื่นหนังสือประท้วงต่อตัวแทนอาเซียน เกิดเหตุชุลมุนจนต้องล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

คดีนี้ศาลจังหวัดพัทยาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2558 ตัดสินจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา นายอริสมันต์ กับพวกรวม 13 คน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น กระทั่งศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาชี้ขาดคดีดังกล่าวในวันนี้

ศาลฎีกาพิพากษาว่ายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 4 ปี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับพวกรวม 12 คน เป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ยกเว้นนายสมยศ พรหมมา เนื่องจากเป็นมวลชน ไม่ใช่แกนนำปลุกระดมให้กระทำการรุนแรง พร้อมกับออกหมายจับจำเลยทั้งหมดที่ได้รับการลงโทษ แต่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาในวันนี้

อย่างไรก็ตาม วันนี้ปรากฎว่ามีเพียง นายศักดา นพฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 10 เดินทางมาศาลเพียงคนเดียว จำเลยคดีนี้ ประกอบด้วย นายอริสมันต์, นายนิสิต สินธุไพร, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวรชัย เหมะ, นายวันชนะ เกิดดี, นายพิเชฐ สุขจินดาทอง, นายศักดิ์ดา นพสิทธิ์, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์, นายนพพร นามเชียงใต้, นายสำเริง ประจำเรือ, นายสมยศ พรหมมา, นพ.วัลลภ ยังตรง และนายสิงทอง บัวชุม

สำหรับ พ.ต.ท.ไวพจน์ เดิมเป็นแกนนำ นปช. และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่ล่าสุดได้ย้ายมาสังกัด และ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งล่าสุด พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังประชุมส.ส.ตามปกติ ยังไม่เห็นหมายและยังไม่เห็นรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ส่วนจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่ ต้องรอความชัดเจนและจะแจ้งให้ทราบ

ทั้งนี้ นายวิษณุ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าวของ พ.ต.ท.ไวพจน์ ว่า ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จึงยังตอบไม่ถูก เพราะยังไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว จึงไม่เกี่ยวกับเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.เพราะเอกสิทธิ์จะคุ้มครองเฉพาะตอนต่อสู้คดีเท่านั้น แต่เมื่อศาลพิพากษาแล้ว จึงไม่เกี่ยวกัน ดังนั้น กรณีนี้ถือว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ พ้นจากการเป็น ส.ส.เพราะศาลได้ตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา

“เมื่อมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว ตำรวจสามารถออกหมายจับได้ทันที ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในเขตของ พ.ต.ท.ไวพจน์ เช่นเดียวกับที่จะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ในจังหวัดนครปฐม ที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ลาออก ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลต่อคะแนนรวมของพรรคด้วย แต่ไม่ทราบว่าจะมีผลมากน้อยเพียงใด” นายวิษณุ กล่าว