ราคาทองดิ่งลง ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า บอนด์ยิลด์ปรับขึ้น

REUTERS/Jason Lee/File Photo

เมื่อวันที่ 11 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์ ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 13.15 ดอลลาร์ สู่ 1,485.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากดิ่งลงแตะ 1,483.90 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. ในขณะที่การพุ่งขึ้นของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ราคาสัญญาทองเดือนธ.ค.ปิดตลาดปรับลง 11.90 ดอลลาร์ หรือ 0.8% สู่ 1,499.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางด้านราคาโลหะเงินในตลาดสปอตปิดปรับขึ้น 0.050 ดอลลาร์ สู่ 18.010 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาพลาตินั่มในตลาดสปอตปิดดิ่งลง 16 ดอลลาร์ หรือ 1.69% สู่ 930.25 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาพัลลาเดียมในตลาดสปอตปิดพุ่งขึ้น 16.97 ดอลลาร์ หรือ 1.10% สู่ 1,560.98 ดอลลาร์/ออนซ์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์ โดยปรับขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนี โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะลดระดับลง และการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางหลายแห่งจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยปัจจัยเหล่านี้ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

ราคาทองดิ่งลงมาแล้วกว่า 4% หรือกว่า 60 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นในวงกว้าง โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนเคยถือครองสถานะซื้อสุทธิในทองเป็นจำนวนมาก ดังนั้นนักลงทุนจึงเริ่มเทขายทองออกมาในช่วงนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ราคาทองยังคงมีแนวโน้มโดยรวมในทางบวก โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก และจากความไม่แน่นอนด้านสงครามการค้า

นักวิเคราะห์ของธนาคารซิตี้แบงก์ระบุว่า “เราคาดว่าราคาทองจะปรับขึ้นเป็นเวลานานยิ่งขึ้น และอาจจะทะยานขึ้นเหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ของวัฏจักรได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า” นอกจากนี้ ซิตี้แบงก์ยังระบุอีกด้วยว่า “ราคาพลาตินั่มทะยานขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีราคาถูก ทั้งนี้ ถึงแม้ราคาพลาตินั่มมีแนวโน้มสร้างฐานในระยะใกล้ เราก็ยังคาดการณ์ในทางบวกต่อราคาพลาตินั่มสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้า”