ราคาน้ำมันร่วง หลัง ‘ทรัมป์’ สั่งปลด ‘จอห์น โบลตัน’ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง

(Photo by Brendan Smialowski / AFP)

เมื่อวันที่ 11 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันอังคาร หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐสั่งปลดนายจอห์น โบลตัน ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยนายโบลตันเป็นผู้ที่ใช้จุดยืนแบบแข็งกร้าวต่ออิหร่าน และข่าวการสั่งปลดนายโบลตันทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะเปิดการเจรจากับอิหร่าน และอาจจะส่งผลให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีก อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างในช่วงก่อนหน้านี้จากข่าวที่ว่า เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รมว.พลังงานคนใหม่ของซาอุดิอาระเบีย รับประกันว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับชาติพันธมิตรจะยังคงปรับลดการผลิตน้ำมันต่อไป

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 45 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 57.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับลง 21 เซนต์ สู่ 62.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร (10 ก.ย.) การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ก.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐดิ่งลง 7.2 ล้านบาร์เรล สู่ 421.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจร่วงลง 2.7 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ ทรัมป์สั่งปลดนายโบลตันอย่างกะทันหัน เนื่องจากทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเรื่องเกาหลีเหนือ, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และรัสเซีย ทั้งนี้ ข่าวนี้ช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านจะส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง หลังจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านดิ่งลงกว่า 80% ในช่วงที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ

ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้นของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เนื่องจาก EIA ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสหรัฐประจำปี 2019 ลงสู่ระดับเฉลี่ยที่ 56.31 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้ที่ 57.87 ดอลลาร์ในรายงานเดือนส.ค. นอกจากนี้ EIA ยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ประจำปี 2019 ลงสู่ 63.39 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดไว้ที่ 65.15 ดอลลาร์