เผยแพร่ |
---|
“ไพบูลย์” สมัครสมาชิกพปชร.เแล้ว เตรียมเข้าร่วมประชุมพรรคพรุ่งนี้ พร้อมยื่น “ชวน” แก้ทะเบียนส.ส.เพิ่มอีกหนึ่งเสียงในสภาฯ ลั่นขออภิปราย 18 ก.ย.ในนามพลังประชารัฐด้วย
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่รัฐสภา เกียกกาย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป แถลงว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ไปยื่นเอกสารเพื่อแสดงเจตนาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ต่อนายทะเบียนพรรค พปชร. พร้อมกับชำระค่าสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ จำนวน 2,000 บาท โดยได้รับใบเสร็จรับเงินจากทางพรรค และมีชื่อในทะเบียนของพรรคแล้ว ทำให้มีผลเป็นสมาชิกพรรค พปชร.โดยสมบูรณ์แล้ว พร้อมกันนี้ตนยังได้ยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านเจ้าหน้าที่ เพื่อแจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงพรรคที่สังกัดด้วย โดยได้ยื่นเอกสารประกอบต่อประธานสภาฯจำนวน 4 รายการ ได้แก่ 1.สำเนาประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เรื่องพรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ณ วันที่ 6 กันยานน 2.สำเนาหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 3.สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าสมัครสมาชิกพรรคพลังประชา และ 4.สำเนาใบสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สภาฯดำเนินการแก้ไขข้อมูลในทะเบียนส.ส.เปลี่ยนเป็นสังกัดพรรค พปชร. และเปลี่ยนแปลงเพิ่มจำนวนส.ส.ของพรรค พปชร.จากเดิมมีจำนวน 116 คน เพิ่มมาเป็น 117 คน เพื่อประโยชน์ในการคำนวณสัดส่วนส.ส.ของพรรค พปชร.ในสภาฯต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10กันยายนนี้ ตนจะเดินทางเข้ามาประชุมพรรค พปชร.ครั้งแรกเวลา 15.00น. และในวันที่ 18 กันยายน จะร่วมอภิปรายในนามส.ส.พรรคปชร.ด้วย เนื่องจากได้ดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีทั้งนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) เตรียมยื่นให้ กกต. ตรวจสอบ จะมีผลให้สภาฯชะลอการเปลี่ยนทะเบียนจำนวนส.ส.ของพรรค พปชร.หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีผล เพราะการดำเนินการของพรรคประชาชนปฏิรูปได้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองโดยสมบูรณ์แล้ว ส่วนการดำเนินการของนายเรืองไกรและนายศรีสุวรรณ เป็นคนละขั้นตอนไม่เกี่ยวข้องกัน จึงคิดว่าจะไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการฟ้องร้องกับบุคคลที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคประชาชนปฏิรูป จะเข้าข่ายการเป็นใช้กฎหมายปิดปากหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวถ้าจะใช้กฎหมายปิดปากจริง ก็คงจะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่แสดงความคิดเห็นแล้ว แต่ที่ผ่านมาเห็นว่ามีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นนอกกรอบของกฎหมายจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน ส่วนบุคคลอื่นที่แสดงความคิดเห็นในกรอบของกฎหมายหรือการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ตนก็ไม่ได้ดำเนินการฟ้องร้องเพราะเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า การที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพปชร.จะทำให้ขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชนที่ลงคะแนนให้กับพรรคประชาชนปฏิรูปหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าคนที่เลือกและลงคะแนนให้กับพรรคประชาชนปฏิรูปส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการดำเนินการของตน เพราะเป็นการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่คนที่ไม่เห็นด้วยกับตนน่าจะเป็นคนที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับพรรคประชาชนปฏิรูป