เผยแพร่ |
---|
(27 ม.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ทำหนังสือชี้แจงผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) ในฐานะอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีรับทรัพย์สินเป็นนกหวีดทองคำและเงินสดจำนวนมากจากบุคคลทั่วไป ขณะที่มีการการชุมนุม กปปส.นั้น
ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ทราบว่า กรณีการรับเงินสดจำนวนมากจากบุคคลทั่วไปนั้น เป็นการบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆในการชุมนุม รวมทั้งค่าใช้จ่ายให้สภาทนายความดำเนินการฟ้องคดีเพื่อช่วยเหลือชาวนาเรียกร้องเงินตามโครงการรับจำนำข้าว และเพื่อช่วยเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม โดยมีกองทุนสำหรับการต่อสู้ของ กปปส.เป็นส่วนกลาง
ดังนั้นการรับบริจาคของนายสุเทพ เป็นการรับไว้ในฐานะแกนนำ กปปส.เท่านั้น ไม่ได้เก็บรักษาเงินหรือดูแลบริหารจัดการเงิน
ทั้งนี้นายสุเทพ มิได้มีเจตนาหรือมีความประสงค์ที่จะรับเงินบริจาคนั้นไว้เป็นสิทธิของตน เช่นเดียวกับกรณีการรับนกหวีดทองคำ เพราะ กปปส.ได้กำหนดให้นกหวีดเป็นสัญญาลักษณ์ในการต่อสู้ การที่ประชาชนเยาวราชได้มอบนกหวีดทองคำให้นายสุเทพ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนการต่อสู้ของ กปปส.
ดังนั้นนายสุเทพจึงรับไว้ในฐานะแกนนำ กปปส.เท่านั้น มิได้มีเจตนาหรือมีความประสงค์ที่จะรับนกหวีดทองคำนั้นไว้เป็นสิทธิของตน