‘วิษณุ’ ย้ำ​ อภิปรายลากยาวเกินเที่ยงคืน 18 ก.ย.ไม่ได้ หากขยายต้องออก พ.ร.ฎ.ใหม่

“วิษณุ” ย้ำ​ อภิปรายลากยาวเกินเที่ยงคืน 18 ก.ย.ไม่ได้ หากขยายต้องออก พ.ร.ฎ.ใหม่ ไม่หวั่น ฝ่ายค้านล็อกเป้า ระบุ​ม.152 ให้สอบถาม–เสนอแนะ อย่าทำเป็นเรื่องตื่นเต้น​ เดี๋ยวคนจะกลัวเกมในสภา

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการประชุมอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ​มาตรา 152 ในประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุวาระเรื่องนี้แล้วหรือยังนั้น ตนไม่ทราบ แต่การอภิปรายไม่สามารถข้ามไปถึงวันที่ 19 กันยายน​ได้ เพราะพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.)​ปิดสมัยประชุมสภาคือ วันที่ 18 กันยายน​ เป็นวันสุดท้าย หากจะขยายต้องออกเป็นพ.ร.ฎ.ใหม่ การอภิปรายจึงต้องจบภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 18 กันยายน​ และไม่คิดว่าจะมีประเด็นอะไรมากมาย ทราบว่ามีการเข้าชื่อกัน 20 คน เพื่อจะอภิปราย ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ว่ากันไป ขณะที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)​ยังไม่ได้พูดคุยกันว่าจะให้ใครชี้แจง ส่วนวิปรัฐบาลตนไม่ทราบ แต่ไม่มีความจำเป็นอะไร เพราะไม่มีใครรู้และเข้าใจเรื่องเท่ากับรัฐบาล ส่วนที่มีข่าวว่าฝ่ายค้านพุ่งเป้ามาที่นายกรัฐมนตรีและตนนั้น ไม่เป็นไร ขอบคุณที่บอกให้รู้ล่วงหน้า วิธีเตรียมตัวคือ อย่าไปไหน ให้ช่วยอยู่ และไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร เพราะไม่รู้เขาจะถามอะไร ถ้าถามมาก็ตอบไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมหรือไม่ หลังฝ่ายค้านล็อกเป้ามาที่ตนเอง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมหรือไม่พร้อมก็ต้องไปชี้แจง เพราะวัตถุประสงค์ของมาตรา 152 คือ เป็นการสอบถามและให้คำแนะนำ ตนบอกเสมอมาว่าถ้าเขาถาม เรารู้เราก็ตอบ ถ้าไม่รู้ก็ตอบไปว่าไม่รู้ แต่ถ้าเป็นคำแนะนำแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์จะรับเอาไว้สำหรับปรับปรุงและดำเนินการต่อไป คงไม่มีอะไรยุ่งยากมาก อย่าไปทำให้เป็นเรื่องตื่นเต้น เดี๋ยวคนจะตกใจกลัวเกมในสภา ซึ่งเกมในสภาเป็นกติกาตามปกติ

เมื่อถามว่า ในช่วงนายวิษณุชี้แจง จะขอเป็นการประชุมลับหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ อยู่ที่วิปรัฐบาล และอยู่ที่ว่าตอนนั้นพูดถึงเรื่องอะไรกัน ไม่เห็นน้ำไม่ควรไปตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกไม่ควรจะโก่งหน้าไม้ ให้รู้ว่าเขาถามอะไร และถ้ารู้สึกว่าถามแบบนี้มันละเอียดอ่อน ก็ขอประชุมลับเฉพาะตรงนั้น แต่หากไม่มีอะไรที่ละเอียดอ่อนและควรจะให้ประชาชนรู้เหมือนๆ กันก็ควรจะประชุมแบบเปิดเผย การประชุมลับหรือไม่ลับเป็นไปตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ และเราเคยขอประชุมลับกันมาแล้วตั้งหลายครั้ง เป็นเรื่องธรรมดา เช่น ถ้ามีเรื่องละเอียดอ่อน สุ่มเสี่ยง และพาดพิงบุคคลที่สาม ก็ขอประชุมลับ แต่ถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์อย่างที่ว่าก็ไม่ต้องประชุมลับ เรื่องประชุมลับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ถึงเวลาใช้วิธีคิดเฉพาะหน้าได้