‘หม่อมอุ๋ย’ ซัด!วินัยการคลังเหลวแหลก ซื้อทำไมเรือดำน้ำ ชี้ถ้ายังใช้ รธน.นี้ ได้นายกฯไม่เก่ง ประเทศไปไม่ได้

วันที่ 8 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ จัดงานเสวนา “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” มีนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ นายบัวพันธ์ พรหมพักพิง อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมสาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ร่วมเสวนา โดยมีประชาชนทุกช่วงวัยกว่า 1,000 คน ร่วมรับฟัง

นายสมเกียรติ กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีผลกับปากท้องของประชาชนมากนัก แต่จะมีผลโดยตรงต่อการกำหนดอำนาจทางการเมือง ในส่วนของการรวมศูนย์อำนาจที่จะจำกัดอำนาจแค่เพียงคนกลุ่มเดียว ส่วนแผนยุทธศาสตร์ชาตินั้น แม้จะพยายามตอบโจทย์ในเรื่องเสถียรภาพทางอำนาจ แต่ตนคิดว่าการแก้ปัญหาโดยการใช้กฎหมายนั้น ไม่สามารถใช้ได้ แต่ต้องใช้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของคนในสังคม ซึ่งวิธีการแก้โดยใช้ยุทธศาสตร์ชาตินั้น เป็นเรื่องที่เฉพาะเจาะจงเกินไป และไม่สะท้อนกับความเป็นจริง เพราะมันกว้างเกินไป

ด้านม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันนี้ พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ สิ่งนี้เกิดจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน ในส่วนของภายนอก เกิดจากประเทศมหาอำนาจทะเลาะกัน แต่ปัจจัยที่มากกว่านั้นคือปัจจัยภายในที่ทุกคนไม่ได้พูดกัน เพราะรัฐบาลแก้บ้าง ไม่ได้แก้บ้าง ในส่วนของภาคการเมืองนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ความกล้าของผู้นำ ซึ่งต้องมีทั้งสติปัญญาและความกล้า แม้จะทำให้ตัวเองไม่เป็นที่นิยม ตนคิดว่าที่ผ่านมาหากผู้นำแค่เปิดใจฟังคนอื่นจนเข้าใจและกล้าตัดสินใจ ประเทศจะเดินได้ดีกว่านี้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า หากเราได้รัฐบาลที่เป็นเผด็จการ ที่มีอำนาจทหารรองรับ จะเปลี่ยนยากคือจะมี 2 มาตรฐาน และใช้อำนาจข่มขู่คนที่วิจารณ์ ความจริงการเป็นรัฐบาลต้องวิจารณ์ได้ รัฐบาลนี้ถือว่าไม่มีความอดทน หรือใจไม่กว้าง และรัฐบาลนี้ไม่เสาะหาคนเก่งเข้าร่วมทำงานด้วย ไม่มีนักเศรษฐศาสตร์มหภาคที่คอยมองภาพกว้าง ความจริงมีคนเก่งให้เลือกเยอะมาก วินัยการคลังถือว่าเหลวแหลกมาก ใช้จ่ายไม่มีประสิทธิภาพ ซื้อได้อย่างไร เรือดำน้ำ และเวลาที่ประเทศขาดดุลหลายปี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกลับมาแจกเงินให้คนท่องเที่ยว

“รัฐธรรมนูญปัจจุบัน เอื้อให้กลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งสืบทอดอำนาจ หากเราได้คนที่เก่งและมีความเป็นผู้นำเป็นนายกฯ ประเทศก็ยังไปต่อได้ แต่เราไม่ได้มีแบบนั้น ทำให้รัฐบาลพลเรือนในปัจจุบันไปต่อไม่ได้” อดีตรองนายกฯกล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า สำหรับปัญหาน้ำท่วม รัฐบาลผสมในตอนนี้ ย่อมคิดถึงความอยู่รอดทางการเมืองมากกว่าการเมืองที่เป็นธรรม เมื่อรัฐบาลเกิดจากการรวมตัวของหลายพรรค ปัญหาการจัดการลุ่มแม่น้ำชีที่มีถึง 6 กระทรวง รัฐมนตรี 14 คนที่เกี่ยวข้อง ต่างพรรคย่อมมีความเห็นต่างกัน การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจย่อมเป็นไปไม่ได้ แม้จะเป็นปัญหาที่ทับถมมาหลายทศวรรษ ซึ่งรัฐบาลผสมย่อมไม่ได้มองเรื่องการแก้ปัญหาระยะยาว

“กติกาการเลือกตั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนในโลก เกิดขึ้นที่ประเทศไทย อำนาจของประชาชนนั้นลดน้อยลง กลับไปเพิ่มอำนาจที่มาจากการแต่งตั้งโดยพวกของตัวเอง หากผมเป็นรัฐบาล ผมก็ไม่ต้องไปฟังเสียงของประชาชน แต่ผมต้องฟังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพราะพวกเขามีอำนาจล้มรัฐบาลได้ เช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ผมไม่ต้องฟังประชาชนในเมื่อพวกเขาไม่มีความหมายในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากกฎหมายสูงสุดไม่เป็นธรรมเมื่อไร มันจะนำไปสู่กลียุค ขณะที่อำนาจบริหารทรัพยากรนั้น เป็นอำนาจของฝ่ายการเมือง คำถามที่หลายคนถาม คือก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เราแก้ปัญหาปากท้องก่อนไม่ดีหรือ แต่ที่ผ่านมา เราแก้ปัญหาปากท้องกันอย่างเดียวโดยไม่มีใครกล้าพูดเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวว่า เมื่ออำนาจกระจุกตัวอยู่ในมือคนไม่กี่คน เราจึงเห็นทรัพยากรธรรมชาติมากมายถูกยกไปให้กลุ่มทุนที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ เช่น การใช้อำนาจมาตรา 44 เพื่อกลุ่มทุนโทรคมนาคม หรือการพยายามเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนที่ได้รับการประมูลธุรกิจปลอดภาษีในสนามบิน ตนอยากชี้ให้เห็นว่าหากประชาชนไม่มีอำนาจ ไม่มีความหมาย นักการเมืองก็ไม่ต้องฟังประชาชน ทรัพยากรต่างๆ ก็ไม่ต้องถูกใช้เพื่อประชาชน

ดังนั้น รัฐธรรมนูญที่ไม่มีประชาชนอยู่ ย่อมไม่นำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมได้ ซึ่งแม้เราจะเห็นต่างกัน แต่เรายังเห็นต่างกันได้โดยไม่ต้องเข่นฆ่ากัน เราสามารถหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม