วงเสวนาประสานเสียง รธน.ต้องแก้ไข ถ้าไม่ทำคนไทยเดือดร้อนหนักกว่าเดิม

วันที่ 8 กันยายน 2562 ที่ ศูนย์วัฒนธรรม พุทธวิชชาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร เขตบางเขน องค์กรตรวจสอบการธำรงค์ไว์ซึ่งหลักนิติธรรม ร่วมกับกลุ่มพลังประชาธิปไตย ไร้พรมแดน ได้จัดงานเสวนา เรื่อง “ ตอบโจทย์ประเทศไทย ทำไมต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ “

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.กล่าวว่า บทเรียนในชีวิตที่เกี่ยวรัฐธรรมนูญนั้น ตนเองได้อยู่ในเหตุการณ์ที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2534 ตอนนั้นมีปัญหาเช่นเดียวกัน คือ มีนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีคนที่ถูกคัดเลือกจาก รสช. เป็นประธานสภา สถานการณ์เวลานั้นรุนแรงมาก กระแสประชาชนรุนแรงมาก เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีการบาดเจ็บล้มตาย จากนั้นเราได้รัฐธรรมนูญ 2540 โดยการนำเอารัฐธรรมนูญ 2534 มาแก้ โดย เรืออากาศตรี ฉลาด วรฉัตร เป็นผู้จุดประกาย เสนอความคิดเชิงอุดมคติ เพื่อให้ประเทศไทย ได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2540นั้น เป็นฉบับที่ทำให้เราดีใจกันเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญแห่งนวัตกรรม เป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรอิสระทั้งหลาย แต่แล้วเพียง 9 ปี ก็เกิดยึดอำนาจปี 2549 คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญคณะเดียวกัน ได้เอาบทเรียนจากรัฐธรรมนูญ 2540 มาแก้ไข ได้รัฐธรรมนูญ 2550 โดยได้แก้ไขประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง นั่นคือ รัฐธรรมนูญ 2540 ทำให้พรรคการเมืองหนึ่งเข้มแข็งมาก นั่นคือ พรรคไทยรักไทย ได้เสียงมากเกินไป ทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้อีกฝ่ายเห็นว่า การมีพรรคการเมืองเข้มแข็งมากเกินไปจะเป็นภัย แต่ในยุคนั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ใจกว้างกว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ผู้รณรงค์ไม่รับร่างประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 สามารถเดินสายรณรงค์ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าประชามติครั้งนั้น มีผู้โหวตรับร่างรัฐธรรมนูญ มากกว่าไม่รับ ด้วยต้องการการเลือกตั้ง ให้ คมช.ออกจากอำนาจโดยเร็ว โดยที่ไม่ทราบภัยที่แฝงไว้ในรัฐธรรมนูญ นั่นคือ เราได้ประชาธิปไตยเพียงแค่พิธีกรรม เลือกตั้ง แต่เผด็จการได้ส่งคนแฝงตัวอยู่ในองค์กรอิสระ ทุกองค์กรแล้ว

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า แม้ดูว่าการแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 จะเป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องทำให้เป็นไปให้ได้ ประชาชนต้องส่งเสียง ก่อนหน้าแก้รัฐธรรมนูญปี 2540 ฝ่ายการเมืองก็ไม่เห็นด้วย แต่ประชาชนเดินหน้า สุดท้ายพรรคการเมืองก็ต้องกลับลำ เพราะประชาชนเห็นชอบกันทั้งแผ่นดินแล้ว ตอนนี้แม้จะยากกว่าตอนนั้น แต่เราต้องการความสำเร็จ ให้ประชาชนนำพรรคการเมืองในการแก้ไข ซึ่งกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญคือ เราต้องอธิบายให้ประชาชนเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อน ไม่มียุคใดที่ลำบากขนาดนี้ ปัญหาที่ประชาชนเจอในวันนี้มี 3 อย่าง คือ เจอน้ำท่วม เจอน้ำแล้ง และเจอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจมาอย่างเป็นระบบ มีวินัย ต่างจากฝ่ายประชาธิปไตยที่มาด้วยจิตอาสา ทำให้เราสู้ไม่ได้ เราต้องชนะ ด้วยการปลดแอดเผด็จการ ด้วยการได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน เรื่องที่สำคัญ มากกว่าการได้ 5 หมื่นรายชื่อ คือเราต้องทำให้คนไทยพูดเป็นเสียงเดียวกันให้หมดว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าไม่แก้ คนไทยจะลำบาก และจะเดือดร้อนยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้อำนาจของประชาชนลดลง ไม่ว่ารัฐบาลจะบริหารดีหรือไม่ อำนาจของประชาชนก็อยู่แค่นี้ นายกฯก็จะเป็นคนเดิม พรรคเดิม ไม่ว่าเขาจะทำดีหรือไม่ดี เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ด้วยรัฐธรรมนูญนี้ ทำให้สิทธิ เสียงของประชาชนในการถอดถอนรัฐบาลจบลงไป รัฐธรรมนูญนี้ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ลดทอนกำลังลงไป เกิดพรรคเล็ก ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ แต่เป็นพรรคเล็กที่ตั้งขึ้นมาด้วยหวังคะแนนเสียง 1 – 2 คะแนน ยิ่งพรรคเล็กมีจำนวนมากเท่าใด การบริหารประเทศก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นอีกประเด็นที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ส่งผลอย่างมาก เป็นอุปสรรคชิ้นโต ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งยุทธศาสตร์ชาติของไทยนี้ ต่างจากที่ทั่วโลกมี คือ ยุทธศาสตร์ของทั่วโลก จะเป็นเพียงแนวทางบริหารประเทศ แต่ ยุทธศาสตร์ชาติของไทย เป็นกฎหมาย ต้องทำ ไม่ทำมีโทษ ซึ่งไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ยุทธศาสตร์ชาติของไทย เอากฎหมายมาครอบการบริหารของรัฐบาล รัฐบาลจะไม่มีความหมาย ต้องเดินไปตามนั้น เป็นความตาลปัดของกฎหมาย ซึ่งได้กำหนด ตัดสินใจแทนคนไทยไปแล้วตลอด 20 ปี ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น มองว่าจุดนี้เป็นโอกาสที่ต้องสูญเสียไป ยกตัวอย่างเช่น พรรคเพื่อไทยไม่สามารถนำเสนอนโยบายที่สร้างสรรค์ออกสู่ประชาชนได้ ด้วยเกรงจะขัดกับยุทธศาสตร์ชาติ

นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวอีกว่า อยากให้มองการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมุมของรัฐศาสตร์ เสียงเรียกร้องของประชาชน มากกว่า ในมุมของนิติศาสตร์ และ คณิตศาสตร์ ที่มองหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญมิได้เลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนได้เห็นปัญหา ข้อจำกัดมากมายของรัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว หากหลังจากนี้จะมีการทำประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ 2560 เชื่อว่าผลต่างจากประชามติครั้งที่แล้วแน่นอน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยึดมั่นต่อประชาชน มุ่งต่อต้าน กำจัดการสืบทอดอำนาจ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นผลพวง เครื่องมือ ของการสืบทอดอำนาจ เราจะมุ่งหน้าสร้างความรู้ ความเข้าใจ กับพี่น้องประชาชน ให้เห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เสียงของประชาชนใหญ่กว่าเสียงของ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. อยากให้เราร่วมกันเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ที่จะออกมาเพื่อเราทุกคน ไม่ใช่เพื่อใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ขณะที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐธรรรมนูญ 2560 นี้ ทำให้ประเทศไทย ไม่เป็นระบอบประชาธิปไตย ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน แต่ทำให้ประเทศยังคงอยู่ใต้ระบบกึ่งเผด็จการ โดยเผด็จการ เพื่อชนชั้นอนุรักษ์นิยม ทั้งนี้รัฐธรรมนูญไทยส่วนใหญ่ มักเขียนเพื่อตอบสนองฝ่ายอนุรักษ์นิยม มีกรอบครอบคลุมสังคมไม่ให้พัฒนา ไม่มีส่วนร่วมของประชาชน อีกทั้งผลร้ายของ รัฐธรรมนูญ 2560 ส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่เจริญเติบโต ประชาชนยากจนลง มองไม่เห็นอนาคต การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐก็มุ่งเพื่อเป้าหมายส่วนตัว เน้นการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์ การโฆษณาตัวเอง

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ตนมองว่า เงื่อนไขที่จะทำให้ภาคประชาชนสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ คือ ภาวะข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก ประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนโดยทั่ว รัฐบาลใช้อำนาจเกินขอบเขต คอร์รัปชั่นมากมาย ทำร้ายประชาชน และกลุ่มผู้นำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม โปร่งใส เป็นที่ยอมรับของประชาชน ส่วนการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรมีการรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวให้มาก รัฐธรรมนูญใหม่ควรเป็นรัฐธรรมนูญที่เปิดกว้าง มีกรอบคิดสมัยใหม่ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน มีจำนวนมาตราไม่มาก อำนาจรัฐควรมี 3 อำนาจ คือ รัฐสภา รัฐบาล และ ศาล อำนาจทั้งหมดต้องมาจากประชาชน หากจำเป็นต้องมีองค์กรอิสระก็ให้มีอำนาจลดลง และมีเท่าที่จำเป็น เหมือนประเทศอื่น ๆ