“เพื่อไทย” แนะปชช.ใช้ กมธ.ร้องเรียนตรวจสอบจนท.รัฐ

วันที่ 7 กันยายน 2562 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการกำหนดหน้าที่และจำนวนของคณะกรรมาธิการในแต่ละประเภท จากพรรคการเมือง และสัดส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะมีทั้งหมด35 คณะ และเมื่อดูจากภาวะเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำจะเห็นได้ว่าซีกฝ่ายค้านจะมีจำนวนคณะกรรมาธิการมากกว่ารัฐบาลโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีทั้งหมดถึง 18 คณะ ส่วนรัฐบาลจะมีเพียง 17 คณะซึ่งถือว่าเห็นได้ไม่บ่อยนัก แต่ในปัจจุบันเป็นภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ห่างกันไม่ถึง5เสียงย่อมเกิดขึ้นได้ ยิ่งพรรคเล็กทยอยลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก็ยิ่งทำให้เห็นความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลมากยิ่งขึ้นถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าพรรคฝ่ายค้านจะใช้คณะกมธ.ที่ติดตามตรวจสอบรัฐบาลอาทิคณะกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือ ปปช.คณะกมธ.กฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนฯกมธ.ศาลองค์กรอิสระฯ กมธ.ศึกษา กมธ.พลังงานในครั้งนี้ก็อยู่กับฝ่ายค้าน

นอกจากนี้ยังมีคณะกมธ.ติดตามงบประมาณและคณะกมธ.ที่สำคัญที่จะใช้ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์ต่อภาษีอากรของประชาชนให้ได้มากที่สุด แม้ว่า รัฐบาลจะมีกมธ.ที่สอดรับกับรัฐมนตรีของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลแต่พรรคฝ่ายค้านจะให้ ผู้แทนฯที่มีประสบการณ์สูงเข้าไปอยู่ในกรธ.ซีกรัฐบาลเพื่อทำงานในการตรวจสอบทุกกระทรวงทุกรัฐมนตรีอย่างเข้มข้น

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าตำแหน่งประธานกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทย พรรคได้มีวิธีการคัดสรรที่เหมาะสมและมีศักยภาพในการทำงาน โดยเน้นเป้าหมายหลักในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่านอกจากสถานีตำรวจ ที่ท่านจะไปแจ้งความในคดีความต่างๆแล้วท่านสามารถใช้ช่องทางคณะกรรมาธิการทั้ง 35 ในคณะที่ตรงกับความเดือดร้อนของประชาชนไม่ว่าจะเป็นการประพฤติมิชอบ หรือการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ในทุกๆเรื่องโดยอำนาจและหน้าที่ของคณะกมธ แต่ละคณะจะคล้ายกับการทำงานของตำรวจและอัยการซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่งเช่นประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือมีเบาะแสเรื่องใดก็สามารถร้องเรียนหรือส่งข้อมูลให้ตรงกับคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะได้ที่รัฐสภา ส่วนการลงมติรับรอง กมธ.อย่างเป็นทางการในรัฐสภานั้นคาดว่าจะลงมติได้ทั้งหมดในวันพุธหรือพฤหัสนี้ ก่อนปิดสมัยประชุม นายจิรายุกล่าว