“วันนอร์” ย้ำ ส.ส.ต้องทำหน้าที่ ยิ่งเหตุอำนาจรัฐเอี่ยวทำปชช.สูญหาย-เสียชีวิต ยิ่งปล่อยผ่านไม่ได้

วันที่ 5 กันยายน 2562 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้แสดงความเห็นถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ต่อกรณีการบังคับสูญหายสู่เหตุฆาตกรรมอำพรางนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน รวมถึงการซ้อมทรมานจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาของนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอว่า เมื่อวานพี่น้องหลายท่านก็คงเห็น “พรรคประชาชาติ” ทำหน้าที่ “ผู้แทนราษฏร” ในเวทีรัฐสภาอย่างชัดเจนแล้ว ก็ต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่า การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของพรรคประชาชาตินั้น มิใช่มานั่งเล่นๆในรัฐสภา ต่างคนก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายความไว้วางใจจากประชาชน หากมานั่งเป็น ส.ส. แล้วไม่ทำอะไรเลย ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ผิดบาป เพราะความรับผิดชอบของเรานั้นเต็มประดา นั่งแบกรับเฉยๆ ไม่ได้หรอก

“การสูญหายหรือเสียชีวิตของประชาชนซึ่งมีข้อครหาเกี่ยวกับอำนาจรัฐนี้เป็นเรื่องที่อุกอาจและมิอาจปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ทวงถามถึงความรับผิดชอบหรือความยุติธรรมที่สังคมต้องได้รับ และรับทราบถึงรายละเอียดด้วย เพราะหน้าที่ของรัฐที่สำคัญแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากคือ “การรับประกันความปลอดภัยของพลเมือง” ซึ่งหากรัฐละหลวมในเรื่องนี้ สังคมก็จะมีแต่ความวุ่นวายและอาชญากรรมก็คงจะเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง เพราะรัฐไม่ได้ให้ความยุติธรรมหรือซ้ำร้ายอาจจะสร้างเงื่อนไขแห่งความอยุติธรรมเกิดขึ้นด้วยอำนาจรัฐอีกด้วย” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า กรณีอับดุลลอฮ อีซอมูซอ เรื่อยไปถึงการหายตัวไปของคุณบิลลี่ ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจมากกับการใช้อำนาจรัฐ ทั้งๆที่สองท่านนั้นมิได้ทำอะไรผิด หรือหากทำผิดจริงก็ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม “ปกติ” ที่ไม่ใช่ว่าผู้ใดเห็นไม่เหมือนกับผู้ใช้อำนาจก็ต้องนำไป “กำจัด” หรือผลักไปสู่กระบวนการที่ “ไม่ปกติ” สถานเดียว ผมว่าเรื่องนี้ประเทศเราต้องตระหนักให้มาก อีกประการที่น่าเป็นห่วงคือการปรามาส ใส่ความ ประชาชนคนอื่นว่า เป็นโจรบ้างล่ะ เป็นผู้ร้าย เป็นผู้ก่อการร้าย โดยที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ยุติธรรมและดีพอ เช่นกรณีของอับดุลลอฮนี่น่าสงสารมาก บางคนบอกว่าอับดุลลอฮตายไปก็ดีแล้ว สมควรแล้ว เพราะเขาเป็นโจร

ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ปล่อยผ่านไปได้ หากเราคิดว่าใครก็ได้ที่เป็นโจรตามความรู้สึกเรา แล้วเรายอมรับมัน พี่น้องลองคิดดูว่าหากวันนึงมีคนคิดว่าเราเป็นโจรผู้ร้ายบ้างโดยที่ไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ความจริง เราจะรู้สึกอย่างไร ผมเวทนาชะตากรรมของครอบครัวอับดุลลอฮมาก ภรรยาที่สูญเสียสามีด้วยเครื่องหมายคำถามตัวโตที่มีต่อรัฐ ลูกเล็กๆที่กำลังเติบโต จะต้องเผชิญกับคำถามและต้องแสวงหาคำตอบชั่วชีวิตว่าบิดาของตนเองนั้นลาโลกนี้ไปอย่างไร ไม่ต่างจากครอบครัวของคุณบิลลี่ ที่ปวดร้าวเมื่อทราบว่าหัวหน้าครอบครัวนั้นหายไปจากโลกด้วยวิธีการทรมาน มีการจับนั่งเผาในถังน้ำมัน แถมยังถ่วงน้ำอีก ลองคิดดูแล้วก็ใจสั่น หากเป็นสมาชิกของครอบครัวเราโดนเช่นนั้นบ้าง เราจะรู้สึกเป็นเช่นไหนบ้าง

“นี่หรือกระบวนการยุติธรรมของประเทศที่เรารัก เราจะยอมรับในวิธีการนอกกฏหมายที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จริงๆหรือ สิ่งเหล่านี้เมื่อเป็นปมแล้ว เกรงว่าจะยากในการสมานแผล การสร้างความเข้าใจ การเยียวยา นั้นเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ”

หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวว่า สิงที่ผมและสมาชิกพรรคประชาชาติจะชี้ให้เห็นคือ “ต้นเหตุ” เรามุ่งแก้ไขปัญหาปลายเหตุจนลืมต้นเหตุ เรื่องราวน่าสลดใจแบบนี้มันก็จะยังคงมีอยู่ เหมือนกับว่าเรามีประเด็นที่แตกต่างจากรัฐอะไร วิธีการแก้ไขปัญหาคือการพาแกนนำหรือคนที่มีความคิดแตกต่างไปเก็บ ปัดฝุ่น โดยการซุกไว้ใต้พรม หากเป็นแบบเดิม เหตุการณ์แย่ๆก็เกิดขึ้นอีก แตกต่างกันก็เพียงผู้เสียหายที่เปลี่ยนหน้า เวลาที่เปลี่ยนไป กระบวนการยุติธรรมเมืองไทย นั้นยังมีโอกาสในการพัฒนาอีกมาก ผมเรียกร้องทั้งฝ่ายบริหารให้หยุด ยับยั้ง วิธีการนอกกฏหมาย ฝ่ายยุติธรรมที่จำต้องกำหนดโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมทำร้ายประชาชนโดยไม่ผ่านศาล ที่สังคมนั้นยอมรับในความชอบธรรมทางอำนาจของท่าน

“ผมคิดว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมทำร้ายประชาชน กำจัดผู้คิดต่างด้วยวิธีการอันโหดเหี่ยมแบบนี้ยังกล้าทำ ก็ไม่ต่างอะไรกับการ “ไม่เคารพอำนาจศาล” แถมยังจะเป็นอาชญากรที่ไม่เกรงกลัวกฏหมายอะไรเลย ที่สำคัญที่น่าเป็นห่วงคือ “ชุดเครื่องแบบ” ที่ได้สวมใส่นั้น เขาสำนึกไหมว่า เขาเป็นข้าราชการที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชน หาใช่ทำร้ายทำลายประชาชนไหม ผมสังเวชใจจริงๆ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

https://www.facebook.com/353677578058332/posts/2422853841140685?sfns=mo