เอเอฟพี และ รอยเตอร์ รายงานสถานการณ์การชุมนุมประท้วงต่อต้านฮ่องกงและอิทธิพลจากจีน สัปดาห์ที่ 13 เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่า ผู้ประท้วงรวมพลังปิดกั้นเส้นทางการคมนาคมที่จะมุ่งหน้าไปสนามบินฮ่องกงได้แล้วทุกทิศทาง ทำให้ผู้โดยสารและพนักงานสนามบินและสายการบินต้องเดินเท้าเข้าออก ผ่านสะพานที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด ขณะที่ตำรวจตรึงกำลังอยู่ในอาคารผู้โดยสาร

การประท้วงวันอาทิตย์เกิดขึ้นต่อเนื่องจากการชุมนุมประท้วงใจกลางเมืองเมื่อวันเสาร์ที่ผู้ประท้วงไม่สนใจคำห้ามของเจ้าหน้าที่ เพราะต้องการชุมนุมรำลึกถึงวาระครบ 5 ปี ที่ทางการจีนปฏิเสธการเรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบจนนำไปสู่การประท้วงยืดเยื้อของขบวนการร่มเหลืองเมื่อปี 2557

ด้าน บริษัทผู้ให้บริการรถไฟแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรส และบริษัทเอ็มทีอาร์ สายที่เดินทางไปสนามบิน แถลงระงับการบริการช่วงบ่ายวันที่ 1 ก.ย. ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงสวมชุดดำและกางร่มบังกล้องวงจรปิดปิดกั้นสถานีรถบัสของสนามบินและพยายามหยุดการจราจรบนท้องถนนที่จะไปสนามบิน

ตำรวจฮ่องกงเปิดเผยว่าจะปฏิบัติการแบบดาวกระจายเพื่อไล่จับผู้ประท้วงที่ปิดกั้นเส้นทางไปสนามบิน และเตือนให้กลุ่มผู้ประท้วงออกจากสนามบินทันที แต่คำเตือนกลับไม่เป็นผลใดๆ

ด้านนอกอาคารผู้โดยสารสนามบิน กลุ่มผู้ประท้วงเอาถังดับเพลิงและรถเข็นกระเป๋าเดินทางไปกีดขวางถนนและทุบทำลายกล้องวงจรปิด จากนั้น กลุ่มประท้วงหลายคนเคลื่อนไปที่เมืองตงชง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามบินที่สุด โดยใช้สายดับเพลิงฉีดน้ำใส่สถานีรถไฟใต้ดิน ฉีดสเปรย์บนกำแพง และเผาธงชาติจีนด้วย

แม้เบื้องต้นยังไม่มีสถานการณ์เที่ยวบินล่าช้า แต่ผู้โดยสารขาออกหลายคนต้องทิ้งรถยนต์บนถนนที่เต็มไปด้วยการจราจรติดขัด และลากกระเป๋าเดินทางไปตามถนนมุ่งหน้าไปสนามบิน โดยขอทางผู้ชุมนุมฝ่าสิ่งกีดขวางออกไป

นอกจากนี้ ตำรวจฮ่องกงใช้กำลังบุกสถานีรถไฟใต้ดิน หลังได้รับแจ้งเหตุว่า กลุ่มผู้ประท้วงฮาร์ดคอร์ลงมือทำร้ายพลเรือนและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จึงใช้กำลังเข้าจัดการด้วยไม้กระบองและสเปรย์พริกไทยบนขบวนรถไฟใต้ดินฮ่องกง และจับกุมได้ 40 คน แม้ยังไม่แน่ชัดว่า ผู้บาดเจ็บและผู้ถูกจับกุมเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมดหรือไม่