วันที่ 29 สิงหาคม 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันนโยบายการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ยังทำไม่ได้ เป็นเพียงการยกตัวอย่างตอนหาเสียงเท่านั้น ว่า พรรคเพื่อไทยได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามนโยบายของรัฐบาลว่า นโยบายใดที่พรรคพลังประชารัฐรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ประกาศว่าจะดำเนินการ แต่พอได้เป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถดำเนินนโยบายได้ โดยเฉพาะนโยบายที่แต่ละพรรคประเมินว่า หากนำไปใช้ในการหาเสียงจะได้รับความสนใจ ทำให้ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วกลับไม่ทำ หรือ ทำไม่ได้ ซึ่งจะมีคำอธิบายออกมาในลักษณะเดียวกันว่า ตอนหาเสียงเป็นเพียงการยกตัวอ่าง แต่พอมาเป็นรัฐบาลต้องดูภาพรวมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ หรือการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม เพื่อจะได้ไม่ต้องทำตามพันธสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียง ซึ่งประชาชนต้องร่วมกันติดตามตรวจสอบว่ามีนโยบายใดที่เข้าองค์ประกอบความผิดในการหาเสียง เป็นการจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดหรือไม่ เช่น นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 – 425 บาทต่อวัน นโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเริ่มต้น 20,000 บาท เงินเดือนอาชีวะเริ่มต้น 18,000 บาท ปลดหนี้นอกระบบผู้ใช้แรงงาน 10 ล้านราย ที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ สภาพเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชนที่วิกฤตอยู่ในขณะนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นอกจากยอมรับด้วยตัวเองว่าเศรษฐกิจแย่ จะดำเนินการแก้ไขอย่างไร จะเร่งออกมาตรการใดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องเร่งดำเนินการ

“พิษวิกฤตเศรษฐกิจได้คร่าชีวิตผู้คนในสังคม จากวัยทำงาน ลามถึงนักเรียน นักศึกษา ที่มีปัญหาไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมจนทำให้เกิดความกดดัน นโยบายที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงกลับมีเงื่อนไข มาตรการใหม่ที่มีประสิทธิภาพก็ยังไม่เห็น แทบไม่มีอะไรใหม่ ความเชื่อมั่นจึงอาจเกิดขึ้นได้ยาก สะท้อนผ่านปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่ง ค่าครองชีพสูง รายได้ต่ำ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่เป็นโจทย์ยากของรัฐบาลที่ต้องแก้” นายอนุสรณ์ กล่าว