“อนาคตใหม่” จี้ กองทัพภาค 4 แถลงความจริงต่อปชช. ปม “อับดุลเลาะ” ด้าน “พรรณิการ์” เผย เตรียมตั้งกมธ.พิเศษพิจารณาเรื่องการใช้กม.พิเศษใน 3 จ.ชายแดนใต้แล้ว

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) น.พ.วาโย อัศวรุ่งเรือง รองโฆษกพรรคอนค. แถลงข่าวถึงกรณีการเสียชีวิตขอนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ หลังจากถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร ว่า นายอับดุลเลาะถูก เชิญไปให้ปากคำโดยเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม เวลาประมาณ 16.00 น. ก่อนจะหมดสติ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าง พบนายอับดุลเลาะห์ หมดสติในห้องน้ำ ใน เวลา 03.00 น. ของวันที่ 21 กรกฎาคม ก่อนจะนำส่งไปที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จนเสียชีวิตเมื่อวานนี้ เวลา 04.03 น. โดยใช้เวลารักษาตัว 35 วัน แม้โฆษกของกองทัพภาคที่ 4 ได้ออกมาชี้แจงว่า นายอับดุลเลาะเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมกับภาวะปอดอักเสบอย่างรุนแรง เป็นการบอกกลายๆ กับสาธารณชนว่า เป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ เท่ากับเป็นการปฏิเสธไปในตัวว่าการเสียชีวิต ไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยเจ้าพนักงาน อย่างไรก็ตามสังคมและพรรคอนค. ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากมีเหตุอันควรสงสัย ว่ามีเหตุอันผิดธรรมชาติต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งเราไม่ทราบว่า มีการชันสูตรพลิกศพ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 148 วรรคแรก หรือไม่ และหากมีเป็นการชันสูตรพลิกศพจริง การชันสูตรนั้นเป็นการชันสูตรเป็น 2 ฝ่าย หรือ 4 ฝ่าย ซึ่งกรณีนี้สมควรที่จะมีการชันสูตรพลิกศพเป็น 4 ฝ่าย เพราะเรามีเหตุอันควรสงสัย ว่านายอับดุลเลาะ หมดสติและเสียชีวิตตั้งแต่การควบคุมตัวโดยเจ้าพนักงานแล้ว ซึ่ง ขณะนี้ ครอบครัวของนายอับดุลเลาะ และประชาชน กำลังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม นายอับดุลเลาะห์ ที่มีร่างกายแข็งแรง ถึงไปหมดสติและเสียชีวิตในค่ายทหาร

“เหตุใดกฎหมายพิเศษ ที่ใช้กันมากว่า 15 ปีนั้น สามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ หรือรังแต่จะเกิดความแตกแยกในสังคม ทำให้ประชาชนที่ถูกตั้งข้อสังเกตุ หรือสันนิษฐานความผิดไว้ก่อน ตกเป็นผู้ต้องสงสัย หรือ ซึ่งทางภาครัฐได้ออกมาแจ้งว่า กล้องวงจรปิด เสียทุกตัว นายอับดุลเลาะห์ ถูกกระแสสังคมส่วนหนึ่งชี้ไปแล้วว่า เขาเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ยังไม่พบพยานหลักฐานเลยมีเพียง การตั้งข้อสังเกตของเจ้าหน้าที่เท่านั้น” น.พ.วาโย กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ วาณิช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้น มีผู้ยื่นกะทู้ สำหรับตั้งกรรมาธิการพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องการใช้กฎหมายพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่นั้น เรายืนยันว่า เราต้องการให้มีการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษ ในพื้นที่ 3 จังหวัด ชานแดนภาคใต้ เพราะที่ผ่านมามีการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ได้แก้ปัญหา แต่เป็นการซ้ำเติมปัญหาให้หนักข้อยิ่งขึ้น และทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราต้องพิจาณาร่วมด้วยว่า หากมีการยกเลิกจริง จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วยหรือไม่

“ในระยะเร่งด่วน ก่อนจะนำไปสู่การพิจารณาว่ายกจะเลิกกฎหมายพิเศษหรือไม่นั้น สิ่งสำคัญที่กองทัพสามารถทำได้เลย คือการคืนความจริงให้กับประชาชน ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง เพราะคำอธิบายว่านายอับดุลเลาะ ลื่นล้มในห้องน้ำนั้นไม่มีประโยชน์กับใครเลย รวมทั้งเป็นการดิสเครดิต รัฐบาลและกองทัพไปในตัว ในเมื่อคุณไม่สามารถให้คำอธิบายที่สังคมยอมรับได้ ย่อมสามารถจะหลุดพ้นข้อกังขาของประชาชน สิ่งที่ต้องทำคือ ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง ว่าการคุมตัวแต่ละชั่วโมงเกิดอะไรขึ้นบ้าง และหลังจากกรณีของนายอับดุลเลาะ เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะฉะนั้นกระบวนการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่รัฐต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะสร้างความไว้เนื่อเชื่อใจระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่” น.ส.พรรรณิการ์ กล่าว