เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีคนรายได้สูงถือครองว่า ต้องมีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต้องตรวจสอบทุกปี คนไทยก็ต้องซื่อสัตย์กัน เพราะมีการร้องเรียนมาว่าบางคนมีบ้าน มีรถ มีที่ดิน แต่ไม่มีบัญชีธนาคาร ต้องดูว่าจะเพิ่มมาตรการตรงไหนขึ้นมาได้บ้าง

“คนเราต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปันให้คนอื่นบ้างได้ไหม ภาษีต้องใช้ทำอะไรหลายอย่างด้วยกัน เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ ถ้านำไปใช้เรื่อยๆ คนอื่นจะแฮปปี้หรือไม่ ก็ต้องนำมาดูแลทุกคน”

ส่วนกระแสวิจารณ์มาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้านำเสนอเพียงว่ารัฐบาลอนุมัติอะไรก็จะตีกันอยู่ตรงนั้น ต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ในการนำเสนอข่าว ผู้มีรายได้น้อยต้องได้รับการดูแล ผู้เสียภาษีต้องได้รับความเป็นธรรม ในการอำนวยความสะดวก การเข้าถึงโอกาส ซึ่งรัฐบาลก็ทำทุกมาตรการ

ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการที่มีการเพิ่มวงเงิน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้เพียง 2 เดือน ไม่ได้ให้ตลอดไป เพราะต้องการให้จีดีพีไตรมาส 3 ส่งท้ายขึ้นไปหน่อยก่อนจะถึงไตรมาส 4 ต้องดูเรื่องการใช้งบประมาณเป็นอย่างดี ถ้าเราเห็นไตรมาสไหนมันตก ต้องดูมาตรการว่าอะไรพอจะพยุงได้บ้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คำว่าเศรษฐกิจมีปัญหาต้องถามว่าหมายถึงเศรษฐกิจระยะสั้นใช่หรือไม่ที่มีปัญหา ดังนั้นก็แก้ปัญหาระยะสั้นไป ส่วนระยะยาวก็แก้ปัญหาระยะยาวซึ่งกำลังเดินหน้ากันอยู่ในหลายเรื่อง มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องต่างๆ ก็ทำให้้ช้าออกไปอีก ดังนั้นต้องแก้ปัญหาระยะสั้นก่อน

ส่วนภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรมก็ต้องปรับตัว รวมทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีกว่า 3 ล้านราย ก็สามารถนำเข้าสู่ระบบได้เพียง 1 แสนรายเท่านั้นด้วยความไม่พร้อม แต่เมื่อเอสเอ็มอีเป็นผู้ผลิตก็จำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อสร้างเอสเอ็มอีที่มีคุณภาพในการผลิตสินค้า และยังมีกลุ่มสตาร์ทอัพ การลงทุนใหม่ๆ ภาคการเกษตรก็มีคนให้ข้อมูลมาว่ากลุ่มทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรพอเพียง ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการต่างๆ แต่โชคไม่ดีเนื่องจากฝนไม่ตก จึงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ

“ส่วนเรื่องการส่งออกที่ผ่านมาต้องพึ่งการเกษตรมากขึ้น บางตัวก็แนวโน้มดีขึ้น แต่เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่พันกันทั้งหมด ผมก็ต้องศึกษานะ เป็นนายกฯ ไม่รู้เรื่องไม่ได้หรอก หลายคนก็บอกว่านายกฯ ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องจะเป็นนายกฯ ได้ยังไง ใช่ไหม รู้จนไม่รู้จะยังไงแล้วเนี่ย โอเคนะ เข้าใจนะ” นายกฯ กล่าว