ออกหมายจับมือบึ้มป่วนกรุง-ปริมณฑลเพิ่มอีก 3 ราย

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดีกับผู้ร่วมก่อเหตุ ลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. และพื้นที่เกี่ยวข้อง ในห้วงที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานจากคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมว่า ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 ราย ในข้อหา เป็นอั้งยี่, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์,กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือพรัพย์ของผู้อื่น, ทำ ใช้ มีไวในครอบครองซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พกพาอาวุธ(ระเบิด)ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งเป็นความผิดที่มีอายุความ 20 ปี และมีอัตราโทษสูง

โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 9 ราย จากผู้ร่วมก่อเหตุหลายรายในแต่ละพื้นที่เกิดเหตุ ได้แก่ นายลูไอ แซแง และ นายวิลดัน มาหะ (ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 2 ส.ค.62) วันที่ 14 ส.ค. 62 ศาลอนุมัติหมายจับจำนวน 4 ราย นายอัสมี อาบูวะ นายอุสมาน เปาะลอ นายอุสมาน เปาะลอ นายอัมรี มะมิง ต่อมาในวันนี้ ( 20 ส.ค. 62 ) ศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 ราย นายอุสมัน ลาเตะ นายฮาซัน อาแว และ นายนัสรู มะประสิทธิ์ ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลออกหมายจับ ผู้ที่ร่วมก่อเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องผ่านมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในการทำงานกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เข้มข้นจริงจัง และบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และเร่งรัดติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งในส่วนของภาคประชาชนที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องและแจ้งข้อมูลเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่

อีกทั้ง ผบ.ตร. ยังได้ขับเคลื่อนตามนโยบายนายกรัฐมนตี ที่ให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในเรื่องนี้ ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ยึดระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหลักสิทธิมนุษยชน เป็นสำคัญ โดยจะต้องไม่มีการจับแพะอย่างเด็ดขาด พร้อมกันนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่นในทีมงานของ ผบ.ตร. และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ได้แต่งตั้งขึ้นมาทำงานไม่มีวันหยุดพักภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยให้นำหลักนิติวิทยาศาสตร์มาเชื่อมโยงพิสูจน์ถึงการกระทำความผิด ยึดหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ เป็นสำคัญในการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม โดยหากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสที่เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งหรือส่งข้อมูลมายังหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม. ในทุกพื้นที่