“ธีระชัย” เย้ย “สมคิด” อย่าเพ้อทำเหมือนเวียตนาม หลังเสนออ้าแขนรับนักลงทุนย้ายฐานจากจีน

วันที่ 16 สิงหาคม 2562 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เสนอให้ทีมกระทรวงอุตสาหกรรมออกไปโรดโชว์ ร่วมกับบีโอไอ เพื่อดึงเงินลงทุนต่างชาติที่จะไหลไปยังประเทศอื่นในอาเซียน อย่างเวียดนาม เช่น กลุ่มนักลงทุนจีนที่ย้ายฐานผลิต ให้กลับเข้ามาลงทุนในไทยนั้น นายธีระชัยมองว่า

“อย่าฝันหวานจะแทนเวียดนามมากเกินไป”

“รองนายกฯสมคิดฯมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเน้นให้ดูเรื่องการย้ายฐานการผลิตของเอกชนหนีออกจากประเทศจีน ไทยต้องใช้โอกาสนี้ต้อนรับนักลงทุน ไม่เช่นนั้น เวียดนามจะแย่งไปแทน”

ช้าก่อน! ผมตั้งข้อสังเกตว่าให้ระวังแนวคิดอย่างนี้

ข้อมูลในคลิปข้างล่าง “When Made in Vietnam products are actually from China “ ของ Wall Street Journal ซึ่งระบุชัดเจนว่า เพื่อแก้ปัญหาสงครามการค้า จีน – สหรัฐ ผู้ส่งออกจีนบางรายใช้วิธีเลี่ยง กำแพงภาษี 25% เรียกว่า “Transhipment” ด้วยวิธีการส่งสินค้าไปเปลี่ยน Country of Origin เป็น “Made in Vietnam” ขบวนการดังกล่าว อาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับการผลิตสินค้าในเวียดนามเล็กๆ น้อยๆ แบบผิวเผิน เช่น การชุบโลหะ หรือประกอบขึ้นรูป แต่ในบางครั้ง ก็เพียงแค่ขนสินค้าเข้าเปลี่ยนป้ายแล้วขนสินค้าออกด้วยซ้ำ

นี่เป็นเหตุผลหลักที่อัตราการส่งออกของเวียดนามไปสหรัฐ May 2018- May 2019 เพิ่มขึ้นถึง 72% ซึ่งเมื่อคำนึงว่าในช่วงเวลาเดียวกัน เวียดนามนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นถึง 81% จึงบ่งชี้ว่า Transhipment มีต้นตอจากจีนอย่างชัดเจน

การทำ Transhipment นั้นผิดกฎหมายสหรัฐ เพราะเป็นขบวนการฉ้อภาษี ทางการสหรัฐจึงให้สินบนนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแสสูงถึง 15-30% ของมูลค่าสินค้า ดังนั้น การที่ไทยจะพยายามแย่งการลงทุนทำนองนี้จากเวียดนาม จึงจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เพราะในคลิปก็ระบุชื่อประเทศไทยหรา และเป็นขบวนการที่ทรัมป์เองเขม่นอยู่แล้ว

ในบริบทสงครามการค้าจีน – สหรัฐที่ยังจะมีเกิดขึ้นอีกหลายรอบนั้น ไทยควรจะทบทวนโมเดลการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมแบบ supply chain ที่ยึดเป็นหลักมาหลายสิบปีได้แล้ว เพราะการเป็นเจ้าบ้าน อาศัยให้ต่างชาติเช่าสนามหญ้าสร้างโรงงานผลิต แต่ไทยเองไม่มีความสามารถจะบีบให้ถ่ายทอดเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง อาศัยกินแต่ค่าแรง ส่วนกำไรจากการส่งออกเป็นของต่างชาติทั้งหมด นั้นโมเดลนี้ เดิมไม่มีปัญหาชักศึกเข้าบ้าน ก็ไม่เป็นไร แต่ในอนาคต มีแต่จะตีบตัน

ทั้งนี้ นายธีระชัยเสนอว่า ไทยจึงควรจะคิดแนวทาง หนีจากการผลิตสินค้าประเภทชิ้นส่วน Intermediate goods ไปเป็นสินค้า Finished goods ที่อาศัยความรู้ความชำนาญเฉพาะของคนไทยมากขึ้น และเนื่องจากไทยอยู่ท่ามกลางประเทศที่มีแต่จะก้าวหน้ามากขึ้นอย่าง จีน อินเดีย อินโดจีน ซึ่งประชากรจะมีกำลังซื้อสูงขึ้น จะต้องการสินค้าที่โดดเด่นจากภูมิปัญญาไทยมากขึ้น ดังนั้น ในด้านการผลิตอุตสาหกรรม ก็อาจจะถึงยุคที่จะต้องเปลี่ยนไปเน้นสินค้า ในรูปแบบที่ผู้บริโภคแถบนี้นิยมกัน มากกว่าจะติดยึดกับสินค้าประเภทขิ้นส่วน Intermediate goods ที่เน้นตลาดสหรัฐ