ความหวั่นวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยครอบงำตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนพากันทิ้งการถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จนดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐปรับตัวลดลงถึง 800 จุด เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในปีนี้

ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ตกลงเกือบ 3% โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือหุ้นในธุรกิจเทคโนโลยีและธนาคาร ขณะที่หุ้นบริษัทค้าปลีกก็ร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน หลังจากเมย์ซี ห้างใหญ่ของสหรัฐได้ประกาศผลประกอบการที่น่าผิดหวัง พร้อมกับปรับลดเป้าหมายการคาดการณ์การเจริญเติบโตตลอดปีลง

ทั้งนี้ดัชนีดาวโจนส์ตกลง 800.49 จุด หรือ 3% มาปิดที่ 25,479.42 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ตกลง 85.72 จุด หรือ 2.9% มาอยู่ที่ 2,840.60 จุด ส่วนดัชนีแนสแดกปรับลดลง 242.42 จุด หรือ 3% มาปิดที่ 7,773.94 จุด

นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจจากเยอรมนีและจีนยังเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แนวโน้มที่น่าหวั่นวิตกดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่าด้วยการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ