‘ดีอี’ เดินหน้ากำจัด ‘เฟคนิวส์’ ดึงทุกภาคส่วนเกี่ยวข้อง-ตัวแทนสำนักข่าว เข้าร่วมให้ข้อมูลศูนย์ฯ

“ดีอี” เดินหน้ากำจัด “เฟคนิวส์” ดึงทุกภาคส่วนเกี่ยวข้อง -ตัวแทนสำนักข่าว เข้าร่วมให้ข้อมูลศูนย์ฯ “พุทธิพงษ์” ยันไม่มีรังแกใคร ลั่น คนเดือดร้อนคือพวกไม่หวังดีกับบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่พรรคพลังประชารัฐ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการป้องกันเฟคนิวส์ว่า เฟคนิวส์ หรือข่าวปลอมเป็นปัญหาที่มีมาหลายปีแล้ว และมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลกระทบในวันนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเมือง แต่เป็นปัญหากันทุกวงการ และสร้างความเสียหายให้ประเทศในภาพรวม ทั้งเรื่องความสามัคคี ความคิด โดยเฉพาะเยาวชน ซึ่งนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบกรู้ดีว่านี่คือภัยอันหนึ่ง และเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญเช่นกัน

ทั้งนี้ กระทรวงดีอีได้รับมอบหมายจากนายกฯให้เร่งหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนที่มีความรู้ ความสามารถในการช่วยเผยแพร่แก้ไขปัญหา และหยุดข่าวปลอมต่างๆ ประกอบกับเรามีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 ที่สามารถใช้เป็นกฎหมายติดตาม เอาผิดคนที่สร้างข่าวปลอมทำให้บ้านเมืองเสียหาย ซึ่งเราต้องแยกกับอีกส่วนคือการรับรู้ของประชาชน ถ้ารู้ได้เร็วว่าเป็นข่าวปลอมก็จะหยุดความเสียหายได้เร็ว

นายพุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมที่กำลังดำเนินการนั้น จะไม่ใช่เอาหน่วยงานรัฐเท่านั้น มาตัดสินว่าอันไหนเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอมทั้งหมด แต่เรามีอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นกลาง และเชี่ยวชาญร่วมทำงานด้วย และจะมีการประสานเชิญไปยังสมาคมผู้สื่อข่าวออนไลน์ และสำนักข่าวต่างๆ ให้เข้ามาช่วยเหลือให้ข้อมูล เราต้องบอกได้ว่าการที่ข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมนั้นบิดเบือนมาจากอะไร พร้อมเหตุผล ประชาชนก็จะยุติความเสียหายและเผยแพร่ไปได้รวดเร็ว ส่วนข้อกังวลว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น กระทรวงดีอีระมัดระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็มี พ.ร.บ.ต่างๆป้องกันเป็นกรอบอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงว่าเราจะไปรังแกใคร

“มีคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่จะเดือดร้อน คือคนที่เคยไม่หวังดีกับบ้านเมือง และชอบทำข่าวออกมาหลอกลวงประชาชน ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง หรือเรื่องการค้าขาย หลอกลวง ต้มตุ๋นต่างๆ คนกลุ่มนี้เท่านั้นที่จะโดนพวกเราติดตามอย่างไกล้ชิด และมาดำเนินคดี ประชาชนที่ใช้ชีวิต ติดตามข่าวสารปกติไม่ต้องกังวล เราจะไปช่วยป้องกันดูแลให้มันดีขึ้น ท่านจะไม่กระทบกับสิ่งนี้แน่นอน” นายพุทธิพงษ์กล่าว