“ปิยบุตร” แนะ “อภิรัชต์” หัดเข้าหาคนรุ่นใหม่แทนที่ผลักไส หลังกล่าวหาพรรคตั้งใหม่กุข่าวปลอม

วันที่ 11 สิงหาคม 2562 เมื่อเวลา 13.20 น. ที่อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า มีพรรคการเมืองตั้งใหม่เมื่อปีที่แล้ว ใช้โฆษณาชวนเชื่อและข่าวปลอมเพื่อทำให้วัยรุ่นไทยต่อต้านกองทัพและสถาบัน ว่า เท่าที่อ่านจากข่าว แม้ไม่ระบุชื่อพรรค แต่อ่านแล้วปฏิเสธยากว่าคงหมายถึงพรรคอนาคตใหม่ เรื่องนี้สะท้อนปัญหา 3 เรื่อง คือ

ปัญหาที่ 1. สิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดอยู่เสมอว่าจะเป็นกองทัพยุคใหม่ หลังเลือกตั้งแล้วจะถอยออกจากการเมือง แต่เอาเข้าจริง จากการให้สัมภาษณ์ของท่านล้วนเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งถ้าเป็นกองทัพตามแบบมาตรฐานสากลประชาธิปไตย ผบ.ทบ.จะไม่ให้สัมภาษณ์ชี้นำเรื่องพรรคการเมือง

ปัญหาที่ 2. คือ ผบ.ทบ.อาจเข้าใจนิยามของคำว่าเฟคนิวส์ผิดไป เพราะเฟคนิวส์ คือข่าวเท็จที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างในทางการเมือง หากสิ่งที่ท่านกล่าวหา หมายถึงพรรคอนาคตใหม่จริง ถ้าผิดก็ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ตั้งแต่ตั้งพรรคขึ้นมา เรารณรงค์ด้วยการทำงานทางความคิดกับประชาชนและเยาวชนคนหนุ่มสาว ไม่ใช่เรื่องข่าวเท็จข่าวลวงใดๆ ทั้งสิ้น

“ผมคิดว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่มีวิจารณญาณในการประเมินและตัดสินใจอยู่บ้าง จึงอยากให้ ผบ.ทบ.ลองมาทำความเข้าใจกับความคิดของคนหนุ่มสาว อย่าประเมินว่าสิ่งที่เขาเชื่อหรือคิดเป็นเรื่องที่ถูกปลุกปั่นยุยงอยู่ตลอดเวลา” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าว

ปัญหาที่ 3. ตนคิดว่าทัศนคติของผบ.ทบ. จะยิ่งทำให้เกิด Clash of Generations มากขึ้น ตนยืนหยัดว่าเราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นเพราะต้องการหลอมรวมคนทุกกลุ่มของสังคมเพื่อออกจากความขัดแย้งชุดเดิมตลอด 13 ปีเพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ด้วยกัน ไม่ได้คิดว่าพรรคจะเป็นของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ดังนั้น การที่ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์แบบนี้ เท่ากับกีดกันคนกลุ่มหนึ่ง กีดกันเยาวชนคนหนุ่มสาวออกไปมากยิ่งขึ้น

“เรียนด้วยความปรารถนาดีจริงๆ สมมุติ ผมเป็น ผบ.ทบ. แล้วเห็นว่าทัศนคติของเยาวชนเป็นแบบนี้มากยิ่งขึ้นอย่างที่ท่านกังวล แทนที่จะผลักไสเขาออกไป หรือกล่าวหาว่าเขาถูกยุยงปลุกปั่น หรือบอกว่าเขาหลงผิดไปเชื่อเฟคนิวส์ ผมจะทำงานร่วมกับเขามากขึ้น และพูดคุยเพื่อหาจุดร่วมกันว่าสุดท้ายแล้วอนาคตของประเทศจะไปทางไหน ในอดีต หน่วยงานความมั่นคงเคยทดลองทำแบบนี้มาหลายครั้ง แต่สุดท้ายทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมชาติกัน จึงคิดว่ามาหาวิธีการกัน ดีกว่าจะโทษกันไปกันมาว่าใครถูกล้างสมองหรือถูกยุยงปลุกปั่น” นายปิยบุตรกล่าว

เมื่อถามว่า ต้องการขอชี้แจงเรื่องนี้โดยตรงต่อ ผบ.ทบ.หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า เราพร้อมสื่อสารตลอดเวลาและพร้อมทำงานกับทุกภาคส่วน สำหรับกองทัพบกและทหารทั้งหมด ตนยืนยันอีกครั้งว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยมีความคิดเป็นศัตรูกับกองทัพ ไม่เคยมองกองทัพเป็นศัตรู แต่ต้องการให้กองทัพถูกปฏิรูป ให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้ง เป็นกองทัพอาชีพที่ทันสมัย จิ๋วแต่แจ๋ว และไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ประเทศไทยขาดกองทัพไม่ได้ กองทัพเป็นองค์กรที่สำคัญ เพียงแต่เราต้องการปฏิรูปให้สอดคล้องกับประชาธิปไตยเท่านั้น

เมื่อถามว่า มองว่าประเด็นนี้จะส่งผลกระทบต่อการเมืองหลังจากนี้หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า คงต้องติดตามดู ตนคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือถ้าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ผบ.ทบ.จะไม่ให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้ แต่กรณีประเทศไทยอาจเป็นข้อยกเว้น ที่ ผบ.ทบ. มักให้สัมภาษณ์ทางการเมืองและถูกนำไปขยายผลตลอด

ดังนั้น คิดว่าการตอบคำถามของตนครั้งนี้น่าจะชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่เป็นอย่างไร และขอยืนยันว่าเรารณรงค์โดยไม่เคยมีเรื่องเฟคนิวส์ ตรงกันข้ามคือพรรคเราต่างหากที่ถูกเฟคนิวส์จำนวนมากโจมตี แต่เราก็อดทน พยายามไม่ดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าต่อให้มีเฟคนิวส์ล่องลอยในสังคมมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายคนไทยมีวิจารณญาณจะตัดสินได้ว่าข่าวใดเป็นข่าวจริงหรือข่าวเท็จ ดังนั้น ขออย่ากังวลใจไปกับความคิดของคนรุ่นใหม่

“คิดว่าตัวผบ.ทบ.เอง ก็ต้องพบปะคนรุ่นใหม่อยู่บ้าง ความคิดของคนมันเปลี่ยนไปแล้วและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่ากีดกันหรือผลักไสเขาออกไปด้วยเพียงความคิดที่ว่าเขามาสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่” นายปิยบุตรกล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้การเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญลำบากมากขึ้นหรือไม่ เพราะคำให้สัมภาษณ์ของผบ.ทบดูเหมือนพรรคอนาคตใหม่เป็นคู่ขัดแย้งกับกองทัพ นายปิยบุตรกล่าวว่า เรายืนยันมาตลอดว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้งของกองทัพ เพียงแต่ไม่สนับสนุนให้กองทัพยึดอำนาจหรือรัฐประหาร หรือแทรกแซงทางการเมือง

สิ่งที่เรารณรงค์ทั้งหมดก็ด้วยความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ไม่ได้นำมาซึ่งความวุ่นวาย พรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งขึ้นและลงสมัครรับเลือกตั้งภายใต้กติการัฐธรรมนูญ 2560 ที่พวกท่านร่างขึ้นมา เท่ากับเรายอมลงมาสู้บนกติกาที่พวกท่านสร้าง เพื่อจะรณรงค์ปรับปรุงกติกานี้ให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และเราจะเดินหน้ารณรงค์ต่อแน่นอน เพราะสิ่งที่เราทำคือการทำงานทางความคิดกับประชาชนด้วยความสงบเรียบร้อย และใช้เสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง