ประธานป.ป.ช. ป้อง ‘สุภา’ มืออาชีพ ตรงไปตรงมา หลังโดนหอการค้าอินโดไทยแจ้งจับติดสินบน

ประธาน ป.ป.ช. ป้อง “สุภา” มืออาชีพ ตรงไปตรงมา หลังโดนหอการค้าไทยอินโด-ไทย แจ้งจับติดสินบน

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีอดีตประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทยแจ้งจับ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. พร้อมพวกข้อหาติดสินบนพยานเพื่อให้การเท็จว่า ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ ได้รับทราบจากข่าวเท่านั้น แต่เท่าที่ดูจากข่าวแล้วไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง เรื่องนี้เคยมีการพูดกันแล้ว และมีการชี้แจงว่ากระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กับการทำงานระหว่างประเทศนั้น เราระมัดระวังอยู่แล้ว การที่จะไปทำอะไรต่างๆ เป็นหน้าที่ของประเทศนั้นๆ กับผู้ประสานงานระหว่างประเทศ และเป็นไปตามระเบียบกฎหมายอาญา ซึ่ง น.ส.สุภาเคยมาชี้แจงเรื่องนี้แล้ว ส่วนตัวเชื่อมั่นการทำงานของ น.ส.สุภา ว่าทำงานอย่างมืออาชีพ ตรงไปตรงมา

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอเรียนตามตรงว่าเป็นคำกล่าวหาที่รุนแรง เพราะ ป.ป.ช.เป็นคนทำตามหน้าที่ เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หาก ป.ป.ช.ทำผิดเสียเองโทษต้องเป็นสองเท่า ดังนั้น จึงไม่มีใครไปทำอย่างนั้น โดยเฉพาะคดีสำคัญระหว่างประเทศ การจะได้มาซึ่งหลักฐานที่จะนำไปใช้ในศาลได้นั้น จะต้องเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยชอบ จึงเป็นกระบวนการทำงานที่เราต้องระมัดระวังอย่างมาก ตนจึงไม่เป็นห่วงอะไรกับข่าวที่ออกมา อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบทำให้การพิจารณาคดีปาล์มน้ำมันอินโดนีเซียต้องสะดุดลง ขณะนี้ขั้นตอนการพิจารณาคืบหน้าไปมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นดิสเครดิตการทำงานของ ป.ป.ช.หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า มองได้หลายทาง เพราะคดีเหล่านี้ ป.ป.ช.กำลังพยายามเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ตอนนี้มีทั้งถูกฟ้อง ขออุทธรณ์ ขอชี้แจง ซึ่งเราต้องให้ความเป็นธรรม เพราะทุกเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอเราจะต้องเอามาพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรม แต่ต้องเร่งรัดเพื่อให้คดีเสร็จสิ้น แต่บางทีการต่อสู้ของผู้ถูกกล่าวหาอาจมองได้ว่าเป็นการประวิงเวลา ซึ่งตนไม่ได้หนักใจ

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า ป.ป.ช.จะเร่งรัดให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 62 พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ถือว่าคดีนี้คืบหน้าไปมากแล้ว พูดได้ว่า 80% โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบตามจำนวนของผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากแต่ละคดีมีรายละเอียดแตกต่างกันไป

เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่า ชี้มูลผู้บริหารระดับสูงของ ป.ป.ช. ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร แต่เกี่ยวข้องกับคู่สมรส ซึ่งในทางกฎหมายต้องไปดู แต่เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียด ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สำคัญจะต้องตรวจสอบให้ละเอียด เรื่องมันเกิดขึ้นได้หมด เพราะแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ โดยผู้ถูกกล่าวหามีการขอความเป็นธรรมเข้ามาตลอด คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็จะพิจารณาว่าเราได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วหรือไม่ มีความจำเป็นแค่ไหนเพียงไร ย้ำว่าให้ความเป็นธรรมทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นคนของ ป.ป.ช.หรือใคร โดยจะอาศัยหลักฐานและข้อเท็จจริง เพราะหากพลาดเมื่อไรเขาก็เล่นงานเรา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่า วันที่ 13 ส.ค. ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะได้ข้อสรุปเลยหรือไม่

เมื่อถามว่า กฎหมายโทษสองเท่าหากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทำผิดเองยังอยู่หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ใช่ หากเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะรับฟ้อง ทั้งนี้ เวลาชี้มูล ป.ป.ช.จะทำควบคู่ระหว่างโทษอาญากับโทษวินัย ซึ่งโทษวินัยจะส่งให้ผู้บังคับบัญชา