พรรคเล็กน้อยใจ รบ.ไม่เห็นหัว ‘มงคลกิตติ์’ ขู่โชว์ พร้อมลงมติสวน รบ.เป็นฝ่ายค้านอิสระ

“มงคลกิตติ์” ประกาศกร้าวตัดขาดกับฝ่ายรัฐบาล ขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ ชี้ปมถวายสัตย์ฯ นายกฯต้องลาออก ยันพรรคเล็กไม่ใช่ลูกน้อง “บิ๊กตู่-อุตตม-สนธิรัตน์” เผยมีอีก 5 พรรคเล็กเตรียมตีจาก รบ.ด้วย

เมื่อวันที่ 8 สิงกาคม ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า พรรคเล็กมากกว่า 5 พรรค คือพรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาธรรมไทย และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เห็นไปในแนวทางเดียวกันที่จะทบทวนในการร่วมรัฐบาล โดยเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านอิสระ เพราะอย่าลืมว่าเมื่อ 2-3 เดือนแล้ว นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ มาเชิญพรรคเล็กให้เข้าร่วมรัฐบาลแบบมีเกียรติ เป็นกลุ่มแรกที่ทำให้รัฐบาลเสียงเกิน 126 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดสวิตช์ประเทศไทย โดยเราจะเป็นส่วนหนึ่งและเป็นเพื่อนกัน ที่จะร่วมกันพารัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เดินหน้าต่อไป วันนี้พรรคเล็กทั้งหมด 10 พรรคถอยมามากแล้ว เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ ดังนั้น การบริหารจัดการก็ต้องประนีประนอมโดยใช้ความรู้ความสามารถ อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อไปรับตำแหน่งทางการเมืองแล้ว

นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า แต่ในปัจจุบันเมื่อแต่งตั้ง ครม.แล้ว พวกเราได้รับการตอบสนองค่อนข้างน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายที่ไม่ชัดเจน และตามรัฐธรรมนูญเรามีตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว แต่เมื่อนโยบายของพรรคมีเข้าไปจริง แต่เหมือนเป็นอีแอบ เราไม่มีตัวแทนเข้าไปอยู่ในฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของพรรคได้จึงเป็นอุปสรรคและการที่จะอภิปรายใดๆ ก็ตาม ในปัจจุบันค่อนข้างจะลำบากเพราะเราติดสถานะความเป็นฝ่ายรัฐบาล เวลาพรรคเล็กจะยื่นปรึกษาหารือหรือตั้งกระทู้สดก็ต้องขอวิปรัฐบาลและเขาต้องดูข้อมูลก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่อึดอัด แต่ถ้าเป็นฝ่ายค้านอิสระเรื่องพวกนี้จะไม่ถูกท้วงติง ความทุกข์ร้อนของประชาชนจะไม่ถูกสกรีน มีอะไรก็พูดตรงๆ โดยไม่ต้องหมางใจกัน และอะไรที่ไม่ถูกต้องเราก็ต้องท้วงติง ถ้าหากท้วงติงไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ฝ่ายค้านอิสระจะพูดอะไรได้เต็มปากเต็มคำ ซึ่งการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระของพวกตนเริ่มต้นมา 2 เดือนแล้ว แต่สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายรัฐบาล และมีหลายอย่างที่ทำให้พวกตนรู้สึกอึดอัด

“เมื่อเราเปิดสวิตช์ประเทศไทยแล้ว รัฐนาวาของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินไปได้อีก 1 เดือน 4 เดือน 6 เดือน หรือ 4 ปี ก็อยู่ที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะแก้ไขปัญหาทางการเมืองนี้ได้ด้วยความสามารถเชิงการบริหารหรือไม่ ขอย้ำว่าแก้วที่มันร้าวมากแล้ว บังเอิญกาวตาช้างก็ไม่มีประสาน จึงทำให้ต่อติดค่อนข้างลำบาก” นายมงคลกิตติ์กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเพราะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐเข้ามาแทรกแซงการทำงานจนทำให้ 10 พรรคเล็กรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจหรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่านายรัฐมนตรีเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ตนคิดว่าการจัดการภายในพรรคการเมืองน่าจะเป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐมากกว่า เพราะตอนมาเชิญ เชิญอย่างมีเกียรติ แต่ตอนนี้กลับไม่ให้เกียรติหัวหน้าพรรคเล็ก และเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องการต่อรองผลประโยชน์ เรียกว่าเป็นการต่อรองทำการทำงานให้กับบ้านเมืองมากกว่า พวกตนไม่ใช่พนักงานบริษัท และไม่ใช่ลูกน้องของ พล.อ.ประยุทธ์ นายอุตตม หรือนายสนธิรัตน์

เมื่อถามว่า การลงมติในสภาจากนี้จะเป็นอย่างไร นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลชี้แจงไม่ได้เราก็ลงมติสวน เพราะมีหลายเรื่องที่เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้ แต่ถ้ารัฐบาลชี้แจงได้เราจะไปลงมติสวนก็ไม่ได้ แต่เชื่อว่าประชาชนรับไม่ได้กับความคิดที่ไร้ซึ่งมันสมอง เหมือนมีหัวไว้คั่นหู ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านยื่นเรื่องนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ฯไม่ครบหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้โดยส่วนตัวตนมองว่าการที่นายกฯ และครม. ถวายสัตย์ฯไม่ครบก็ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และนายกฯต้องลาออก ถ้าตนเป็นนายกฯจะลาออกทันที เมื่อถามย้ำว่า หากนายกฯตัดสินใจไม่ลาออก นายมงคลกิตติ์จะเป็นส่วนหนึ่งในการล่ารายชื่อถอดถอนหรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านเขาดำเนินการอยู่แล้ว ตนรออย่างเดียวคืออภิปรายไม่ไว้วางใจ

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรค พปชร.หรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ได้คุยกันนิดหน่อย ท่านโทรมา 4-5 สายแต่ตนคุยเพียงเล็กน้อย ซึ่งตนได้บอกไปว่าเพื่อนๆ เขาไม่พอใจอะไรหลายๆ อย่าง แต่ ร.อ.ธรรมนัสก็เป็นเพื่อนที่ดีของเรา ปัญหาไม่ได้เกิดจาก ร.อ.ธรรมนัส แต่เกิดจากหัวหน้าและเลขาพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่าถ้ามีคนมาง้อจะกลับไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า มีอะไรที่จะมาง้อกันได้ และจะมาคุยกับตนคนเดียวคงไม่ได้ เพราะเรามาด้วยกันต้องไปด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ใหญ่มาประสานตนก็ได้ปฏิเสธไปทั้งหมด และเห็นว่าหากมีการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่านสภา นายก ก็ต้องลาออก และเห็นว่าผู้นำพรรคต้องรักษาคำพูดในการเข้าร่วมรัฐบาล อย่าทำให้ต้องแตกแยกกัน