ไม่เฉยแล้ว! “จีน” ขู่โต้ตอบ “สหรัฐฯ” หากเดินหน้าตั้งฐานขีปนาวุธในประเทศแถบเอเชีย

วันที่ 6 สิงหาคม 2562 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายฟู่ ก่ง ผู้อำนวยการกรมควบคุมอาวุธ กระทรวงต่างประเทศจีน ได้ออกมาแสดงท่าทีเชิงลบพร้อมยื่นคำขู่ว่าจีนพร้อมตอบโต้หากสหรัฐฯเดินหน้าแผนติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธพิสัยกลางในประเทศแถบเอเชีย และเตือนถึงชาติพันธมิตรสหรัฐฯในภูมิภาคว่าระวังผลที่ตามมาหากปล่อยให้มีอาวุธทำลายล้างชนิดนี้อยู่บนประเทศตัวเอง

นายฟู่กล่าวว่า รัฐบาลจีนจะไม่ทนอยู่เฉยได้และจับตาฐานยิงขีปนาวุธของสหรัฐฯในประเทศแถบเอเชีย หากสหรัฐฯติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธส่วนใดของโลก โดยเฉพาะหน้าประตูบ้านจีน จีนจะจำต้องใช้มาตรการตอบโต้อย่างแน่นอน และยังขอเรียกร้องไปยังประเทศเพื่อนบ้านรอบจีนให้พิจารณาอย่างรอบคอบและไม่ยอมให้สหรัฐฯติดตั้งฐานยิงขีปนาวุธบนแผ่นดินตัวเองได้

รายงานระบุว่านายฟู่ เจาะจงเป็นพิเศษกับประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้และออสเตรเลีย พร้อมเตือนด้วยว่าพวกเขาจะไม่ได้รับประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม นายฟู่ไม่ได้ระบุชัดว่าจีนจะทำการตอบโต้ยังไง แต่กล่าวว่าทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นบนโต๊ะเจรจา หากชาติพันธมิตรของสหรัฐฯอนุญาตให้ตั้งฐานขีปนาวุธได้

ท่าทีอันแข็งกร้าวของจีนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า มีความต้องการตั้งฐานขีปนาวุธภาคพื้นดินในภูมิภาคเอเชียเร็วๆนี้ โดยคาดว่าภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯได้ถอนตัวอย่างเป็นทางการจากสนธิสัญญาห้ามผลิตขีปนาวุธที่ทำร่วมกับอดีตสหภาพโซเวียต ปี 2530 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังรัฐบาลสหรัฐฯกล่าวหาว่ารัสเซียไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญา

ทั้งนี้ นายเอสเปอร์และรัฐบาลสหรัฐฯกล่าวหาว่าจีนมีพฤติกรรมที่แข็งกร้าวในการลดทอนเสถียรภาพในแถบอินโด-แปซิฟิก สงครามน้ำลายเรื่องติดตั้งขีปนาวุธในเอเชียจึงถูกยกขึ้นมาให้กังวลต่อเรื่องการแข่งขันสะสมอาวุธในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม จีนซึ่งไม่ได้ถูกจำกัดตามสนธิสัญญาเพราะไม่ร่วมลงนาม ก็ทำให้จีนสามารถพัฒนาขีดความสามารถของขีปนาวุธพิสัยกลางในจำนวนมหาศาลและติดตามยุทโธปกรณ์บนเกาะเทียมกลางทะเลจีนใต้ ซึ่งกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างจีนกับชาติอาเซียนหลายประเทศในแถบนี้

นอกจากนี้ปริมาณขีปนาวุธที่ถูกผลิตขึ้นในจำนวนมากแล้ว จีนยังพัฒนาขีปนาวุธที่มีขีดสมรรถนะระดับซุปเปอร์โซนิค ซึ่งทำความเร็วมากกว่าความเร็วเหนือเสียงได้ 5 เท่า โดยเพนตากอนระบุว่า สหรัฐฯมีศักยภาพยับยั้งขีปนาวุธชนิดนี้ในระดับที่จำกัดและอยู่ระหว่างหาทางเพื่อพัฒนาอาวุธชิ้นใหม่และยุทธวิธีใหม่ในการตอบโต้การคุกคามดังกล่าว