‘อุตตม’เร่งผลงาน3ด. แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดูแลสวัสดิการ ปรับโครงสร้างภาษี

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเสวนาในงานบางกอกโฟสต์ ฟอรัม 2019 หัวข้อทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ Roadmap to Success : Up Close with Thailand’s New Ministers จัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ว่า วันนี้คนไทยและเอกชนไทยมีความคาดหวังว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งเดินหน้าอย่างไร โดยเฉพาะจากรัฐบาลพรรคร่วม 19 พรรค ซึ่งในอดีตไม่เคยมีมาก่อนว่ารัฐบาลจะมาจากพรรคร่วมมากขนาดนี้ แต่ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะทุกพรรคสามารถเดินหน้านโยบายได้ตามความคาดหวังของพี่น้องคนไทย โดยในส่วนของคลังมี 2-3 ประเด็นจะเดินหน้าไปในช่วง 3 เดือนแรก โดยจะมีแนวทางในการดูแลเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป จากใน 4- 5ปีที่ผ่านมา ไทยสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้สามารถเติบโตในปีที่ผ่านมา 4% จาก 5 ปีก่อนโตเพียง 1%

นายอุตตม กล่าวต่อว่า แม้วันนี้เศรษฐกิจไทยมีความท้าทายจากสงครามการค้า เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป ดังนั้นต้องดูแลให้ไทยเข้มแข็งจากภายใน เพื่อสร้างขีดความสามารถให้ประเทศ โดยต้องดูแลเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง ดังนั้นมาตรการเศรษฐกิจออกมาต้องเตรียมความพร้อมเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาวในช่วง 3-5 ปี โดยในส่วนของคลังนั้นเตรียมพร้อมที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโตเต็มศักยภาพ และต้องผลักดันให้เกิดการลงทุนเพื่ออนาคต ให้เกิดการลงทุนเชิงคุณภาพ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล  แม้จะใช้เงินลงทุนสูงจะดึงเอกชนมาร่วมลงทุน(พีพีพี) เข้ามาร่วม รวมถึงเตรียมขยายการกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ให้เกิดการลงทุนในประเทศต่อไป

นายอุตตมกล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงการคลังตั้งเป้าไว้ต่อยอดการใช้ดิจิทัล ทั้งในเรื่องอีเพย์เมนต์ พร้อมเพย์ ซึ่งเศรษฐกิจฐานรากต้องได้ประโยชน์จากเรื่องดิจิทัล เพื่อให้ไทยก้าวไปสู่สังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยจะมีการเสริมดิจิทัลในภาคการเกษตร ในกลุ่มเอสเอ็มอีเกษตร จะใช้ดิจิทัลไปช่วยทั้งในเรื่องการเพาะปลูกไปจนถึงการตลาด

นายอุตตมกล่าวว่า สำหรับในเรื่องสวัสดิการ กระทรวงการคลังพร้อมที่จะดูแลในเรื่องงบประมาณรวมถึงนำเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์สวัสดิการของประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะผู้สูงวัย เนื่องจากประเทศไทยเขาสู่สังคมสูงวัย เมื่อปี 2557  รัฐใช้งบประมาณดูแลผู้สูงวัยกว่า 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของงบประมาณ ส่วนปี2561 รัฐใช้เงินเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 4 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 13% ของงบประมาณ โดยพยายามดูว่าทำอย่างไรที่จะให้คนสูงวันเข้ามาช่วยพัฒนาชาติ

นายอุตตมกล่าวว่า ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือน กระทรวงการคลังมีเป้าหมายปฏิรูปภาษี ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ และลดความเหลื่อมล้ำ โดยขณะนี้มอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ร่วมกับกรมจัดเก็บภาษี 3 แห่ง ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ศึกษาแนวทางที่จะปรับปรุงยกระดับระบบการจัดเก็บภาษีให้สามารถดูแลเรื่องการลงทุนและสามารถรักษาวินัยการเงินการคลังซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ

นายอุตตมกล่าวว่า การจัดเก็บภาษีต้องเป็นระบบภาษีที่สร้างความเท่าเทียมอย่างเหมาะสม ไม่ใช่การจ่ายภาษีเท่าเทียมกันทั้งหมด แต่ต้องเท่าเทียมตามความเหมาะสมกับรายได้ประชาชน ในภาคอุตสาหกรรม บริการ และผู้ประกอบการเอกชน ขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ กระทรวงคลังจะเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นภาระให้กับผู้จ่ายภาษี

นายอุตตมกล่าวว่า ส่วนภาษีในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่น ภาษีออนไลน์ ขณะนี้กฎหมายภาษีอีคอมเมิร์ซที่จัดเก็บภาษีจากธุรกิจออนไลน์ อยู่ในพิจารณาของกฤษฏีกาแล้ว ขณะที่ภาษีออนไลน์อีคอมเมิร์ซรูปแบบอื่นๆ รัฐพยายามจะจัดเก็บจากบริษัทใหญ่ๆ ของต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจใยไทย ซึ่งเป็นเรื่องของสากลที่จะต้องพิจารณาว่าจะมีการจัดเก็บภาษีอย่างไร

นายอุตตมกล่าวว่า ถ้าอยากให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล จะต้องการส่งเสริมสตาร์ทอัพหรือคนตัวเล็กเหล่านี้  ต้องดูว่าระบบภาษีที่กำหนดขึ้นมานั้นเป็นระบบภาษีเหมาะสม สามารถส่งเสริมประเทศในการลงทุนและการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถสร้างฐานภาษีที่กว้างขวางพอสนับสนุนการลงทุน ขับเคลื่อนการลงทุน การพัฒนาประเทศ ทั้งเรื่องบุคลากรและเทคโนโลยีหรือไม่

นายอุตตมกล่าวว่า กรณีที่มองว่าการขยายฐานการเสียภาษี จะส่งผลต่อรายได้เข้าคลังนั้น  เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่รายจ่ายมากขึ้นกระทรวงการคลังก็จะต้องทำการขยายฐานภาษี แต่ประเด็นคือ การขยายฐานภาษีจะพิจารณาควบคู่กับผลกระทบที่จะมีต่องบประมาณ ซึ่งจะต้องให้เกิดความสมดุลและเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีมากที่สุด โดยกำลังพิจารณาขยายฐานภาษีใหม่ในกลุ่มพลังงานให้มากขึ้น

นายอุตตมกล่าวว่า จากการเดินทางไปญี่ปุ่น ไปพบรัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ของญี่ปุ่น และพบภาคเอกชนของญี่ปุ่น ถามกันว่านโยบายรัฐบาลใหม่จะต่อเนื่องไหม แนวทางการพัฒนาประเทศจะต่อเนื่องไหม ได้บอกไปแล้วว่า จะต่อเนื่อง เพราะคนไทยคาดหวังให้ต่อเนื่อง แม้ขณะนี้รัฐบาลมาจากหลายพรรค การทำงานไปในทิศทางเดียวกันได้

นายอุตตม กล่าวต่อว่า ในเรื่องไทยแลนด์ฟิวเจอฟันด์ นั้นขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะขายอย่างไร กำลังหารือกับ กระทรวงคมนาคม ว่าทางคมนาคมมีโครงการไหน ที่จะนำมาขายในกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์กองที่ 2 บ้าง ขณะนี้ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องออกกอง 2 เมื่อไหร่

นายอุตตมกล่าวว่า ส่วนการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ตามนโยบายหาเสียงนั้น ขณะนี้สศค. กำลังศึกษาอยู่ ดังนั้นยังไม่ได้พูดว่าจะปรับในแนวไหน กี่เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้องดูให้หมดและดูให้รอบคอบ ขอเวลาในการศึกษาก่อน โดยตรงนี้เป็นหนึ่งในงานที่ต้องดำเนินการ 3 เดือน