“พิชัย” แนะ “ประยุทธ์” อ่านหนังสือมากๆ จ้อเศรษฐกิจเหมือนคนไม่รู้เรื่อง

เมื่อวานนี้ (27 กรกฎาคม 2562) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในสภาฯ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์คิดเอง หรือ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคิดให้ ถ้าเป็นอย่างหลังพล.อ.ประยุทธ์ ควรต้องพิจารณาเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้แล้ว เพราะสิ่งที่ท่านตอบในสภาฯ แสดงถึงว่าท่านไม่ได้มีทักษะความรู้ทางด้านเศรษฐกิจเลย โลกปัจจุบันทุกประเทศต้องแข็งขันกันด้วยเศรษฐกิจ ถ้าผู้นำไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจประเทศไทยจะไม่สามารถแข่งขันได้

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า การที่ไทยขยายตัวต่ำเพราะมีฐานเศรษฐกิจใหญ่ เป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะขนาดประเทศจีนที่มีฐานเศรษฐกิจใหญ่กว่าประเทศไทยมากแบบเทียบกันไม่ได้ ก็ยังขยายตัวมากกว่าไทยเกินกว่า 2 เท่าเกือบจะทุกปี หรือประเทศมาเลเซียที่ขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย และจีดีพีของมาเลเซียกำลังจะแซงไทยใน 1-2 ปีนี้ ก็ขยายตัวมากกว่าไทยมากมาตลอด 5 ปี

ดังนั้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจขึ้นอยู่ที่ฝีมือการบริหารของรัฐบาล ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับท้ายสุดถึงขนาดที่ สื่อหลักต่างประเทศอย่างไฟแนนเชียลไทมส์ ถึงกับบอกว่าประเทศไทยเป็นคนป่วยของอาเซียนและจะยิ่งป่วยหนัก เศรษฐกิจไม่ได้ดีอย่างที่นายสมคิดแถลงในสภาฯ แต่อย่างใด และอยากให้นายสมคิดได้กลับไปอ่านบทวิเคราะห์นี้ด้วย จะได้ไม่พูดเกินจริง

นายพิชัย กล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ดูถูกคนจนบอกไม่เสียภาษี ทั้งๆ ที่ความจริงคนจนก็ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในการจับจ่ายใช้สอยทุกครั้ง และภาษีมูลค่าเพิ่มคือรายได้ที่มากสุดของรัฐ จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียนรู้และเข้าใจ จึงอยากแนะนำอีกครั้งว่าแทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเที่ยวแนะนำให้ประชาชนอ่านหนังสือตั้งแต่จินดามณีมาถึงแอนนิมอลฟาร์ม พล.อ.ประยุทธ์เองควรจะต้องอ่านหนังสือเศรษฐกิจให้มากๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสมัยใหม่ของต่างประเทศ

เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าความรู้ทางเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์มีน้อยมาก ยิ่งตอนอภิปรายแถลงนโยบายยิ่งเห็นชัด ขนาดเศรษฐกิจแบบเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นยังรู้น้อย ถ้ามีความรู้คงไม่กล้าพูดอย่างที่พูดในสภาฯ และคงไม่แนะนำอะไรที่ผิดเพี้ยนเหมือนที่ผ่านมาในอดีต เช่น ส่งขัน แปรงสีฟัน รองเท้าแตะขายทั่วโลก ปลูกหมามุ่ยแทนปลูกข้าว น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องพื้นฐาน

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสมัยใหม่จะยิ่งเข้าใจได้ยากกว่ามาก โลกสมัยใหม่ต้องการผู้นำที่มีความรู้รอบด้านโดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง และต้องมีวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจที่มองเห็นอนาคตของประเทศได้ อีกทั้งจะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ การจะพึ่งข้อมูลจากคนใกล้ตัวอย่างเดียวคงไม่ได้ แถมคนใกล้ตัวก็ให้ข้อมูลโม้เกินจริง เพราะหลายครั้งได้ให้ข้อมูลที่ผิดๆ แก่ประชาชนจนประชาชนหมดความเชื่อถือและไม่เหลือความมั่นใจ

อีกทั้ง 5 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจน้อยมาก เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยปีละประมาณ 3% เท่านั้น การส่งออกโตเฉลี่ยปีละ 2% กว่า และยอดการส่งออกไทยกำลังจะถูกเวียดนามแซงในปีนี้ แต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กลับกล้าแถลงในสภาโฆษณาว่าทำได้ดี ซึ่งสวนกับความเป็นจริงต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

“หากผู้นำไม่รู้เรื่องเอง จะถูกหลอกและเข้าใจผิดว่าตัวเองทำได้ดี ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างหนักทั่วประเทศมากว่า 5 ปีแล้ว และยังไม่มีทิศทางที่จะดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะปีนี้เศรษฐกิจจะยิ่งทรุดอีก เป็นคนป่วยที่ป่วยหนักขึ้นเหมือนที่ตนได้เคยเตือนไว้แล้วและตรงกับที่สื่อหลักต่างประเทศก็ได้วิเคราะห์เหมือนกัน” นายพิชัย กล่าว