“เทวัญ” เปิดรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค-จัดตั้งสภาคุ้มครองผู้บริโภค

วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 เมื่อเวลา 08.30 น. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค ณ สำนักงาน ก.พ. (เดิม) ชั้น 1 ว่า สืบเนื่องจากการรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 46 บัญญัติให้สิทธิของผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครอง บุคคลย่อมมีสิทธิรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภคที่มีความเป็นอิสระ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และเพื่อรองรับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงได้ตราพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ขึ้น

โดยพระราชบัญญัติฯดังกล่าว กำหนดให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือผู้ซึ่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นนายทะเบียนกลาง มีหน้าที่รับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคได้ทั่วราชอาณาจักร และกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นนายทะเบียนประจำจังหวัดทำหน้าที่รับจดแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคภายในจังหวัดนั้น

นายเทวัญกล่าวต่อไปว่า พระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น สำนักงานปลัดสำนัก-นายกรัฐมนตรี จึงได้จัดให้มีพิธีเปิดการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค ให้แก่กลุ่มบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กร ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยในวันนี้ถือเป็นการเปิดตัวการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคอย่างเป็นทางการ

โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคได้ที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ฝั่ง ก.พ. (เดิม) ส่วนจังหวัดอื่น ๆ สามารถแจ้งได้ที่ศาลากลางจังหวัด โดยรายละเอียดของสถานที่รับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค และรายละเอียดเอกสารหลักฐานประกอบ
การยื่นคำขอจดแจ้งองค์กรของผู้บริโภค สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (www.opm.go.th)

นายเทวัญล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า กลุ่มบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กร ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ได้มาแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค และหากมีลักษณะถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด นายทะเบียนกลางจะประกาศสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคให้ประชาชนทราบ

ทั้งนี้ องค์กรของผู้บริโภคที่ได้รับการประกาศสถานะแล้ว มีสิทธิเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบองค์กร และแจ้งต่อนายทะเบียนกลางเพื่อเป็นผู้เริ่มก่อการในการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคต่อไป