วันที่ 20 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. เรื่อง การเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.เลย โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับคำร้องว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2, นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ผู้สมัครส.ส. เขต 1 เลย, นางศุกร์ไกล จันทร์สว่าง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และ นายสันติภาพ เชื้อบุญมี ผู้สมัครส.ส.เขต 3 เลย เป็นผู้ถูกร้องที่ 1-4 ตามลำดับ ได้กระทำการฝ่าฝืนพพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง(5)

จากกรณีกล่าวหาว่าคุณหญิงสุดารัตน์ หลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ต่อมาผู้ร้องยื่นหนังสือขอถอนคำร้องสำหรับผู้ถูกร้องที่ 2 และผู้ถูกร้องที่ 4 แต่กกต.พิจารณาหนังสือขอถอนคำร้องแล้วเห็นว่า คำร้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์และระบุพยานหลักฐานเพียงพอจะสืบสวนและไต่สวนต่อไปได้ จึงไม่อนุญาตให้ถอนคำร้อง

ทั้งนี้ จากการพิจารณาข้อเท็จจริงจากรายงานการไต่สวน พยานหลักฐานอื่น ๆ แล้ว เห็นว่าวันที่ 24 ก.พ.2562 คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ปราศรัยหาเสียงด้วยข้อความว่า “เขต 1 เลือก 1 ได้ 3 ได้นายกป๊อก เป็นส.ส. เขตได้ศุกร์ไกล เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และได้สุดารัตน์เป็นผู้รับใช้” ขณะปราศรัยหาเสียงดังกล่าว นายศุกร์ไกล ได้ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพท.ไปแล้ว แต่คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ทราบข้อเท็จจริง และเมื่อทราบก็ได้ชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปทราบ

ดังนั้น การกระทำของคุณหญิงสุดารัตน์ จึงกระทำโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง ไม่มีเจตนาหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 คน กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ตามคำร้อง กกต.จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

‘เมียสันติ’ก็รอด-กกต.ยกคำร้อง
นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. เรื่องการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 เพชรบูรณ์ ซึ่งกกต.ได้รับคำร้องและได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ผู้สมัครส.ส. เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นภรรยาของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) จากกรณีถูกกล่าวหาว่านางวันเพ็ญ ให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง

กกต.พิจารณารายงานการไต่สวน พยานหลักฐานอื่นๆแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า นางวันเพ็ญ ได้กระทำการตามที่กล่าวหา เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พยานที่แจ้งเบาะแสไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง เพียงแต่ได้รับฟังมาจากการบอกเล่าว่ามีการแจกเงิน โดยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่ามีการกระทำดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านางวันเพ็ญ กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ตามข้อกล่าวหา กกต.จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง