นโยบายจีนต่อชาวอุยกูร์ : สหรัฐฯ ซัดเป็น ‘ความด่างพร้อยแห่งศตวรรษ’ แต่ “ซาอุฯ-30 ชาติ” ยื่นจม.สนับสนุน

ประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีนที่ไม่มีเรื่องใดในตอนนี้ที่ถูกวิพาก์วิจารณ์มากไปกว่า นโยบายปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง ที่ชาติตะวันตกและองค์กรสิทธิมนุษยชนมองว่ารัฐบาลจีนได้ละเมิดสิทธิเสรีภาพชาวอุยกูร์และมีชาวอุยกูร์ราว 1 ล้านคนถูกกักกันในค่ายกักกัน แต่รัฐบาลจีนเองออกมาตอบโต้และปกป้องนโยบายตัวเองว่า พวกเขากำลังพัฒนาชีวิตชาวอุยกูร์ให้ดีขึ้น และอาคารที่ถูกใช้คือศูนย์ฝึกและให้การศึกษา ไม่ใช่ค่ายกักกัน

สหรัฐฯอัดจีน ‘นโยบายปฏิบัติชาวอุยกูร์’ เป็น ‘ความด่างพร้อยของศตวรรษ’

ล่าสุด ประเด็นดังกล่าวยังคงถูกพูดถึง โดยเว็บไซต์ไทม์สรายงานว่า นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้กล่าวระหว่างการประชุมด้านเสรีภาพทางศาสนาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี เรียกนโยบายเจ้าปัญหาของจีนว่าเป็น “จุดด่างพร้อยของศวรรษ’ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯคาดการณ์ว่า มีชาวมุสลิมเตอร์กิสราว 800,000 ถึง 2 ล้านคน ไม่ว่าจะเป็น ชาวอุยกูร์, ชาวคาซัค, ชาวคีร์กิซและอื่นๆ ถูกนำตัวไปในค่ายกักกันที่รัฐบาลจีนเรียกว่า ศูนย์การให้การศึกษาใหม่

นายปอมเปโอกล่าวว่า จีนเป็นประเทศที่มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนเลวร้ายที่สุดในยุคของเรา เรียกว่าเป็นจุดด่างพร้อยของศตวรรษเลยก็ว่าได้  และนายปอมเปโอยังได้ตั้งคำถามว่า ทางการจีนได้กดดันหลายประเทศจากการเข้าร่วมการประชุมนี้ ถือว่าสอดคล้องกับการรับประกันความเชื่อทางศาสนาที่พบได้โดยตรงในรัฐธรรมนูญจีนหรือไม่

ด้านนายหลู คัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาตอบโต้ว่า ในจีนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เรียกว่าการปราบปรามทางศาสนาไม่เคยเกิดขึ้น เราเรียกร้องให้สหรัฐฯมีมุมมองที่ถูกต้องต่อนโยบายทางศาสนาของจีนและสถานะของเสรีภาพทางศาสนาในจีนและหยุดใช้ประเด็นดังกล่าวแทรกแซงกิจการภายในประเทศเรา

“ซาอุ-36 ชาติ” ร่อนจม.ป้องจีน พร้อมชม “ความสำเร็จอันโดดเด่นต่อสิทธิมนุษยชน”

ขณะที่ รอยเตอร์สรายงานในวันนี้ว่า ซาอุดิอาระเบียพร้อมด้วย 36 ประเทศ ร่วมยื่นจดหมายสนับสนุนนโยบายปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ของจีน หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ว หลายชาติสมาชิกในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติออกมายื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องจีนให้ยุติการดำเนินนโยบายลิดรอนสิทธิมนุษยชนต่อชนกลุ่มน้อย แต่ได้เกิดการตอบโต้ โดยซาอุดิอาระเบียและชาติอื่นๆอาทิ พม่า รัสเซีย เกาหลีเหลือ ได้ยื่นจดหมายสนับสนุนพร้อมชี้ว่าจีนสร้างความสำเร็จอย่างโดดเด่นในเรื่องสิทธิมนุษยชน

นายอับดุลลาห์ อัล-มัวอัลลิมี ทูตซาอุฯประจำยูเอ็นกล่าวกับสื่อว่า จดหมายระบุแค่เรื่องงานการพัฒนาของจีน นี่เป็นทั้งหมดที่พูดคุย ไม่ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องที่ว่านี้ ไม่มีใครแสดงความกังวลต่อสถานะของชาวมุสลิมทั่วโลกได้มากเท่าซาอุฯอีกแล้ว สิ่งที่กล่าวในจดหมายคือเราสนับสนุนนโยบายการพัฒนาของจีนและช่วยประชาชนพ้นจากความยากจน

อย่างไรก็ตาม นายหลุยส์ ชาร์บอนนัวว์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์ วอชประจำยูเอ็นได้ออกมาแสดงความเห็นถึงท่าทีของนายอัลมัวอัลลิมีว่าเป็นการตบหน้าชาวมุสลิมที่ถูกละเมิดสิทธิในจีน ยกประเด็นอันไม่สมเหตุผลออกมาอย่างไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ นักวิจัยมีหลักฐานว่า รัฐบาลจีนได้สั่งทำลายสุเหร่าในมณฑลซินเจียง และรวมถึงพยายามกำจัดอัตลักษณ์แบบอิสลามออกจากประเทศให้หมด