‘พล.อ.สนธิ’ ตอบสื่อญี่ปุ่น ‘รัฐประหาร’ จำเป็นกับประเทศไทย ชี้“บิ๊กตู่” ก็เรียนรู้จากตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ปัจจุบันนั่งเป็นที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์กับ “นิคเคอิ เอเชียน รีวิว” ระบุว่าการรัฐประหารนั้นเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับ “ประชาธิปไตยที่ยังไม่เติบโต” ของไทย

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้นเรียนรู้บทเรียนจากตน ที่ไม่รับตำแหน่งนากยรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก พร้อมทั้งคาดหมายด้วยว่า หากรัฐบาลนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาคอรัปชั่น และความแตกแยกได้อาจเกิดรัฐประหารขึ้นได้อีก

พลเอกสนธิ ระบุกับสื่อจากประเทศญี่ปุ่นว่า ประชาธิปไตยของไทยนั้นแตกต่างจากสหรัฐอังกฤษ ญี่ปุ่น หรือชาติอื่นๆในเอเชีย และว่า การรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจนถึงตอนนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาการเมืองแบบไทยๆที่ยังไม่เติบโต พลเอกสนธิระบุด้วยว่า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ควรมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือชาวไทยให้ก้าวไปสู่ชนชั้นกลาง เพราะเชื่อว่าประชาธิปไตยนั้นจะทำงานได้ก็ด้วยจำนวนพลเมืองที่เป็นชนชั้นกลางขนาดใหญ่

“ประเทศไทยมีคนจนจำนวนมาก และคนรวยมักเข้ามาและใช้ประโยชน์จากคนจนในระบบประชาธิปไตย นักการเมืองที่ใช้เงินจำนวนมากในการเลือกตั้ง จะพยายามหาเงินกลับคืนเมื่อเข้าสู่อำนาจ” พลเอกสนธิระบุ

พลเอกสนธิระบุว่า ในประเทศไทยนี่จะนำไปสู่ระบบพวกพ้อง ที่ผู้นำมักเลือกเฉพาะเพื่อนและเครื่อข่ายของตัวเองมาบริหารประเทศ ส่งผลให้คณะบริหารมีคนที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ นำไปสู่ความไร้ประสิทธิภาพ และในที่สุดก็เกิดการทุจริตขึ้น

พลเอกสนธิ ระบุถึงการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ที่ประชาชนแตกแยกเป็นฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านทักษิณด้วยว่า “ประชาชนขอให้เราช่วย” พลเอกสนธิระบุ และว่า “รัฐประหารไม่สามารถทำได้หากประชาชนไม่สนับสนุน”

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า หน้าที่ของกองทัพหนึ่งในนั้นคือการปกป้องสถาบันกษัตริย์ โดยในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากที่มีแนวคิดเอียงซ้ายหัวก้าวหน้าไม่ต้องการสถาบันกษัตริย์ ขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดังนั้น กองทัพจึงทำรัฐประหารเพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ด้วยเช่นกัน

พลเอกสนธิระบุด้วยว่า รัฐบาลปัจจุบันควรได้รับการยอมรับในฐานะรัฐบาลพลเรือน เนื่องจาก “ประชาชนยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งมันมันผ่านการทำประชามติเมื่อปี 2017” ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พลเอกสนธิ วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ์ ด้วยว่า ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาทุจริต และความเหลื่อมล้ำ และเชื่อว่าปัญหาสังคมสามารถแก้ได้ด้วยการช่วยคนจนได้มีสถานะทางการเงินดีขึ้น ด้วยการพัฒนาการศึกษา กระตุ้นการเติบโตทางเศรษกิจเพื่อเพิ่มจำนวนชนชั้นกลางให้มากขึ้น

“กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายหาเสียงกับคนที่มีการศึกษาน้อยและคนจน กลุ่มคนที่รัฐบาลก่อนๆไม่ได้ให้ความสำคัญ” พลเอกสนธิระบุ และว่า “รัฐบาลต่อไปต้องแก้ปัญหา สิ่งแรกเลยคือดูแลคนจน” ทั้งนี้พลเอกสนธิ ยังระบุด้วยว่าหากรัฐบาลใหม่ไม่สามารถแก้ปัญหาทุจริต หรือความแตกแยกได้ หากประชาชนเดือดร้อนและต้องการความเปลี่ยนแปลง “รัฐประหารก็อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้ง”

ขอบคุณ : มติชน