เถียงวุ่น! ใช้ ภาษาถิ่น อนาคตใหม่โดนไล่ไปอินเดีย พปชร.โต้ ไม่ได้พูดซะหน่อย

ฃ10 ก.ค. การประชุมสภาผู้แทนราษฏร ที่ห้องประชุมชั่วคราว อาคารทีโอที นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน อภิปรายตั้งข้อสังเกตเรื่องการรักษาระเบียบเรียบร้อยในการประชุม โดยขอตั้งข้อสังเกตการใช้ ภาษาถิ่น ในที่ประชุม ว่าสภาแห่งนี้จะใช้ภาษาไทยกลาง หรือภาษาถิ่นกันแน่ เพราะมีบางท่านอภิปรายเป็นภาษาถิ่น

ตนเองเป็นคนขอนแก่น ถ้าจะใช้ภาษาถิ่นหรือภาษาอีสาน เชื่อว่าคนเกิดภาคกลางคงจะไม่รู้เรื่อง ภาคเหนือก็ไม่รู้เรื่อง ภาคใต้ก็ไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกันถ้า ส.ส.ใต้ พูดใต้ ส.ส.เหนือพูดเหนือ อีสานพูดอีสาน ก็จะเกิดความสับสน จึงขอให้เรื่องภาษายึดหลักคล้ายเครื่องแต่งกาย คือยึดตามที่ประธานสภากำหนด เพราะนี่คือรัฐสภาไทย ไม่ใช่สภาต่างประเทศ

ด้านนายชวน หลีกภัย ระบุว่า เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง ได้ปรึกษาคนที่ใช้ภาษาถิ่นแล้ว ยืนยันทุกภาษามีความไพเราะ แต่ในส่วนสภา ได้พูดกับสมาชิกแล้ว ให้พูดภาษากลาง หรือภาษาถิ่นที่พอเข้าใจได้ มิฉะนั้น เจ้าหน้าที่ผู้จดบันทึกการประชุมก็อาจจะมีปัญหาไม่เข้าใจ

กดขี่เชิงอัตลักษณ์
ขณะที่ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นอภิปรายประเด็นดังกล่าว ระบุว่า สิทธิพื้นฐานการแสดงออกเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย สภาแห่งนี้ควรทำหน้าที่ปกป้องเสรีภาพนั้น เรื่องการถกเถียงเรื่องภาษาไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการถกเถียงกันทั่วโลก สภาบางแห่งต้องออกมาเป็นข้อบังคับ เช่น แคนาดา ใช้ทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส รัฐสภาเบลเยียมใช้ทั้งภาษาฝรั่งเศส และภาษาเฟลมิช

รัฐสภาฟินแลนด์ ใช้ภาษาสวีดิชและภาษาฟินนิช รัฐสภาแคนาดาอนุญาตให้ใช้ภาษาครี ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมือง ในที่ประชุมรัฐสภา โดยมีบริการล่ามเพื่อความเข้าใจ หรืออย่างอินเดียที่มีความหลากหลายสูง รัฐสภาอินเดียก็อนุญาตให้มีการอภิปรายในภาษากว่า 20 ภาษา

จึงขอยืนยันว่าสภาควรเป็นที่แสดงความหลากหลายทางอัตลักษณ์ของสมาชิก เพราะประเทศไทยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภาษา จึงขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่าการใช้ภาษาเดียวเท่านั้น เหมือนการกดขี่เชิงอัตลักษณ์ เพราะคนที่เลือกผู้แทนขึ้นมาก็มีความหลากหลาย จึงจำเป็นที่ผู้แทนควรรักษาความหลากหลายนั้นไว้

ไล่ไปอยู่อินเดีย
ต่อมา ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ประท้วงประธานเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในการประชุม โดยอ้างว่าได้ยิน ส.ส.คนหนึ่งจากพรรคที่มีเก้าอี้สีฟ้า และอยู่ทางด้านซ้ายของตน พูดขึ้นขณะที่ ส.ส.อนาคตใหม่กำลังพูด ว่าให้ไปอยู่ประเทศอินเดียเลย ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญแม้ไม่ได้ออกไมโครโฟน ก็ควรจะมีสัมมาคารวะ เพราะสภาแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์

ขณะที่นายชวนยืนยันว่า ได้พูดคุยกับ ส.ส.ท่านดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าเราโชคดีที่ไม่มีปัญหาเหมือนแคนาดา อินเดีย ทุกคนสามารถใช้ภาษาเดียวกันได้ แม้ทุกคนจะถนัดภาษาถิ่นของตนเองมากกว่า ที่ประชุมแห่งนี้ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เป็นล่ามคอยแปล ตนพูดกับ ส.ส.คนดังกล่าวว่า ภาษาถิ่นมีความงดงามไพเราะ แต่ในการอภิปรายจำเป็นต้องมีความพอดี

ขณะที่นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.พลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วง ว่าถูกพาดพิงเก้าอี้สีฟ้าเพราะเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันไม่มีใครพูดอินเดียซักคำ มีแต่มาดามเดียร์ ที่ ส.ส.อนาคตใหม่พูด รับไม่ได้ เป็นเรื่องที่โกหก ตนนั่งกลางเก้าอี้สีฟ้า จึงขอให้ถอนคำพูด และเมื่อสักครู่ เก้าอี้สีส้มก็พูด

จากนั้นนายปิยบุตรได้ลุกขึ้นประท้วงต่อโดย กล่าวว่า ใช้สิทธิพาดพิงว่าจะได้ยินหรือไม่ได้ยิน ท่านก็รู้อยู่แก่ใจ จะมากล่าวหาว่ามีการโกหกกลางสภา ท่านก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าพูดหรือไม่ได้พูด ตนนั่งอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย โดยโห่ขึ้นมาดังๆ พร้อมบอก “อย่างนี้ไปอยู่อินเดียเลย” แต่ถ้าท่านยืนยันว่าไม่ได้พูดก็ไม่เป็นไร ประธานไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร

อนาคตใหม่ก็ยืนยันว่าได้ยินแบบนี้ คิดว่ามารยาทลักษณะแบบนี้แหละ คือการให้เกียรติสภา คนที่ไม่ได้ใส่เนกไทแต่พูดจาอยู่กับร่องรอย มีเหตุผล อภิปรายสร้างสรรค์ นี่คือการให้เกียรติสภา แต่ถ้าไม่พอใจและโห่ใส่กัน นี่คือการไม่ให้เกียรติสภา