“สุพันธุ์”หวังรบ.ใหม่เร่งทำงานประคองจีดีพี เผยกกร.หารือ10ก.ค.จ่อทบทวนตัวเลข

“สุพันธุ์”หวังรบ.ใหม่เร่งทำงานประคองจีดีพี เผยกกร.หารือ10ก.ค.จ่อทบทวนเป้าหมายการเติบโตศก.-ส่งออก สกพอ.เร่งทำงาน-ชูกองทุนดูแลชุมชน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)กล่าวว่า กรณีธนาคารโลกปรับลด
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ของไทยเหลือ 3.5% โดยกังวลว่าอายุรัฐบาลใหม่จะสั้นจนกระทบต่อ
เศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน(เทรดวอร์)นั้น ในมุมของส.อ.ท
.คาดว่าตัวเลขจีดีพีและส่งออกของไทยปีนี้จะปรับลดเช่นกัน โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3
สถาบัน(กกร.) จะหารือตัวเลขดังกล่าววันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเดิมคาดว่าจีดีพีจะโต 3.7-4% และส่งออกโต
3-5% ส่วนจะปรับลดลงเท่าไรต้องรอผลการประชุมอย่างเป็นทางการก่อน ปัจจัยที่กดดันมาจากเทรดวอร์
และภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว

“ความกังวลของธนาคารโลกต่อเสถียรภาพของรัฐบาลยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม แต่หากมีรัฐบาลใหม่และ
สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้รวดเร็ว ตรงจุด เห็นผล สิ่งที่นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนของ
เศรษฐกิจ และจะช่วยให้จีดีพีไทยชะลอตัวน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ก็ได้”นายสุพันธุ์กล่าว

นายสุพันธุ์กล่าวว่า สำหรับนโยบายด้านการประกันราคาสินค้าเกษตรที่หลายฝ่ายประเมินว่าพรรคประชาธิ
ปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมดำเนินนั้น ในมุมของส.อ.ท.เห็นด้วยแต่ควรทำระยะสั้น ไม่ควรทำนาน
เพราะในระยะยาวแนวทางที่เหมาะสมคือ วางระบบน้ำ การผลิตที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องมีแนวทาง
ป้องกันการทุจริตซึ่งเป็นสิ่งที่เอกชนกังวลมากที่สุด หากปล่อยให้เกิดขึ้นจะทำให้การบริหารงานของรัฐบาล
เกิดปัญหาทันที

นายสุพันธุ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของนโยบายการยกระดับเศรษฐกิจประเทศจากการขับเคลื่อนเขตพัฒนา
พิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)นั้น ล่าสุดพบว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคเริ่มติดตาม ตรวจสอบการทำงาน และ
มีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ เรื่องนี้อยากให้พรรคการเมืองให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน เพราะต้องใช้เวลา 3
-5 ปีจึงจะเห็นผล อยากให้แยกแยะระหว่างประโยชน์ของประเทศ กับปัญหาทุจริตหรืออื่นๆที่อาจเกิดขึ้น และ
ใช้วิธีติดตาม ตรวจสอบร่วมกัน ดีกว่าคัดค้าน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรือสำนักงานอีอีซี
แจ้งว่า สำนักงานอีอีซีไม่ได้กังวลต่อกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศตรวจสอบการทำงานของอีอีซี และคัด
ค้านโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ เพราะถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มีต่อ
เนื่อง และมีความจำเป็นต่อการยกระดับเศรษฐกิจไทยในช่วง 5-10ปีข้างหน้า โดยทุกโครงการจะยังคงเดิน
หน้าต่อ ไม่สะดุด ขณะเดียวกันในขั้นตอนการพัฒนาสำนักงานอีอีซีให้ความสำคัญกับการรับฟังความเห็น
ของประชาชนทุกภาคส่วน และยังมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่แล้ว

มติชนออนไลน์