‘เพื่อไทย’ ย้ำ ‘ประยุทธ์’ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ​ พร้อมยกคำพิพากษาศาลฎีกาเทียบ

“เพื่อไทย” ย้ำ “ประยุทธ์” เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ​ พร้อมยกคำพิพากษาศาลฎีกากรณี​ “สมบัติ” ขึ้นเทียบ ชี้ ต้องใช้มาตรฐานเดียวกับ “ธนาธร”

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม นายชุมสาย ศรียาภัย รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีเหตุอันควรสงสัยเกิดขึ้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ และเมื่อประธานสภา​ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติควรจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่การเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนมีคำวินิจฉัยตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ​ ซึ่งพยานหลักฐานที่มีคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2560 ที่สั่งจำคุกนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นเวลา 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ในความผิดฐานถูกหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งและประกาศ ภายหลังเข้ายึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ให้มารายงานตัวแล้วไม่มา ต่อมา พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมบัติเป็นจำเลยต่อศาล เรื่องความผิดต่อประกาศ คสช. ถือว่าขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ทั้งนี้ คสช.ได้ออกประกาศ (เฉพาะ) ฉบับที่ 25/2557 และฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. กำหนดโทษผู้ฝ่าฝืน จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายชุมสายกล่าวว่า คำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวลงวันที่ 1 มิถุนายน 2560 หน้า 13 ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่ระบุว่าผู้ออกคำสั่ง คสช.เป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งต้องถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ​ และแม้จะอ้างว่าเป็นข้าราชการการเมืองอื่นก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั่นเอง การที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ​ บอกว่าเป็นองค์กรชั่วคราวน่าจะเป็นการตีความเลยเถิดไปมาก ทั้งนี้ จากคำพิพากษาศาลฎีกานี้ชี้ชัดว่า หัวหน้า คสช.เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีอำนาจสั่งให้คนมารายงานตัวต่อ คสช. นายสมบัติไม่มาจึงได้รับโทษจำคุกและปรับตามที่ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดพิพากษา จึงน่าจะมีเหตุผลเพียงพอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีก่อนมีคำวินิจฉัย เพราะกรณีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 บัญญัติให้นำความในมาตรา 82 มาอนุโลมบังคับใช้ด้วย ซึ่งหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญคงจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่เคยใช้ต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

มติชนออนไลน์