บิ๊กป๊อก สั่ง สพฐ.-ท้องถิ่น ทำสัญญาโครงการอาหารกลางวัน ถ้าไม่ดีให้เลิกสัญญาได้

“บิ๊กป๊อก” สั่งการ ร.ร.สังกัด สพฐ.-ท้องถิ่น ทำสัญญาโครงการอาหารกลางวันถูกต้องตามกฎหมาย ชงเพิ่มเงื่อนไข หากพบผิด ยกเลิกได้ แนะ “นายอำเภอ-ท้องถิ่น” สุ่มตรวจเป็นระยะ ป้องเหตุการณ์เกิดซ้ำ

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ที่พบว่าเข้าข่ายกระทำการทุจริตว่า เรื่องดังกล่าว อย่างที่ทราบกันว่ามีปัญหาปริมาณอาหารไม่เพียงพอ รวมถึงการจัดการของโรงเรียนที่ทำอย่างไม่เรียบร้อย โดยโรงเรียนมีการทำสัญญาเองและผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนลงนาม ตนจึงให้มีการตรวจสอบว่าการลงนามนั้นมีใครบังคับหรือไม่ นอกจากนั้น ต้องไปดูว่ามีมาตรการอื่นที่ผู้ทำสัญญามีโอกาสตรวจสอบตามเงื่อนไข เช่น คุณภาพอาหารเป็นอย่างไร ปริมาณอาหารเพียงพอหรือไม่ และจะขอบอกเลิกสัญญาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการโดยรวมไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทุกแห่งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยได้กำชับไปว่าการดำเนินการต้องเป็นไปตามกฎหมาย คือทำสัญญาให้ถูกต้อง และตนอยากเพิ่มเงื่อนไขด้วยว่า หากอาหารมีคุณภาพไม่ดีหรือมีปริมาณไม่เพียงพอ ควรมีเงื่อนไขเรื่องการบอกเลิกสัญญาหรือมาตรการอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบในหลายระดับ เช่น ให้นายอำเภอและท้องถิ่นไปสุ่มตรวจสอบเป็นระยะ รวมถึงผู้ประกอบการในโรงเรียนควรติดรายการอาหารให้ทราบโดยทั่วกัน รวมถึงอยากให้ผู้ปกครองมีส่วนช่วยดูแลเพื่อตรวจสอบร่วมกันอีกระดับหนึ่ง ส่วนหากสอบสวนแล้วพบว่ามีการทุจริตก็จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางแพ่ง ทางอาญาและทางวินัยอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามาบ้างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า หากเทียบจำนวนโรงเรียนทั้งหมดกับเรื่องที่เป็นข่าวพบว่ามีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะเด็กไม่มีทางต่อสู้ รัฐบาลหวังให้เขามีสุขภาพดี มีอาหารกิน จึงให้งบประมาณไป ดังนั้นทุกแห่งต้องเรียบร้อย และคนที่กำกับดูแลเชิงนโยบายจะนิ่งดูดายไม่ได้ ส่วนความร่วมมือในการตรวจสอบระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น เราทำมาตลอดอยู่แล้ว หากพบอะไรสุ่มเสี่ยงเราจะสอบถามไปยัง ป.ป.ช.และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าแต่ละเรื่องทำได้หรือไม่ได้อย่างไร

มติชนออนไลน์