ผู้นำฮ่องกงชี้ กม.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน แท้งแล้ว! “โจชัว หว่อง” ทวิตอัด เล่นคำกลบคำโกหก

วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 สถานการณ์การชุมนุมต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกงที่กินเวลามานานกว่า 2 อาทิตย์และเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนอย่างน้อย 4 ครั้ง โดยเกิดขึ้นที่บริเวณอาคารรัฐสภา ตามด้วยการบุกรัฐสภาของผู้ชุมนุม การชุมนุมย่านมงก๊กและล่าสุดที่เขตเกาลูนนั้น ล่าสุด เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษรายงานว่า นางแครี่ หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงที่ถูกเสนอชื่อโดยรัฐบาลกลางของจีน กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ตายลงแล้ว โดยนางหล่ำแถลงต่อสื่อว่า ไม่มีแผนอะไรต่ออีก กฎหมายได้ตายลงแล้ว และมีรู้สึกใจสลายต่อความขัดแย้งอันเกิดจากการผลักดันกฎหมายดังกล่าว นับเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม คำพูดของนางหล่ำนั้น ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ากฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นถูกถอดถอนออกจากการพิจารณาหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องหลักที่ชาวฮ่องกงออกมาชุมนุม

นางหล่ำกล่าวอีกว่า สิ่งที่ดิฉันจะกล่าวในวันนี้ ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อน แต่บางทีประชาชนต้องการได้ยินความมั่นใจ กฎหมายได้ตายแล้วจริงๆ ดังนั้นประชาชนไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีการหารือใหม่เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวในสภานิติบัญญัติอีก เราระงับกฎหมายดังกล่าวแล้ว และเราจะไม่นำกลับมาหารืออีก เราย้ำแล้วว่าเมื่อสภานิติบัญญัติปัจจุบันสิ้นสุด ในราวเดือนกรกฎาคมปีหน้า กฎหมายดังกล่าวจะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติ

ด้านนายลุคแมน ซุย อาจารย์ด้านสื่อสารมวลชนของมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกมาทวิตข้อความต่อคำแถลงของนางหล่ำว่า ตายอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่คำทางกฎหมายหรือทางการเมือง นั้นทำให้ยังไม่แน่ชัดว่ากฎหมายถูกถอดถอนแล้วหรือไม่ และเราอาจสรุปได้ว่ายังไม่ถอดถอน แต่นางหล่ำยังคงที่จะไม่พูดคำนั้นออกมา ถ้ากฎหมายมันตายลงจากทุกจุดประสงค์ เช่นนั้นแล้วทำไมไม่พูดแค่ว่ากฎหมายถูกถอดถอนออกไปแล้ว นางหล่ำกำลังเกมส์พีอาร์กับเรื่องนี้

เช่นเดียวกับบนโลกออนไลน์ ก็แสดงปฏิกิริยาต่อคำพูดของนางหล่ำถึงกับเรียกว่าเป็น ความต่ำตมครั้งใหม่ พร้อมแสดงความเห็น เช่น “ช่างดื้อด้านเหลือเกิน เธอไม่พูดอะไร พูดแค่ระงับแล้ว”, “เราต้องการถอดถอนกฎหมายนี้” เหลืออีกความเห็นที่ว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเขาสามารถรื้อฟื้นได้ในสิงหาคมปีหน้า”

ขณะที่ นายโจชัวร์ หว่อง อดีตแกนนำขบวนการร่มเหลืองในปี 2014 ได้ออกมาทวิตข้อความแบบต่อเนื่องวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของนางหล่ำว่าเป็นการเล่นคำเพื่อกลบเกลื่อนเจตนาตัวเอง โดยนายหว่องระบุว่า

“1. สิ่งที่นางหล่ำกล่าวว่า “กฎหมายได้ตายแล้ว” เป็นการโกหกอย่างเหลวไหลอีกครั้งต่อประชาชนฮ่องกงและสื่อต่างชาติ เพราะกฎหมายดังกล่าวยังคงอยู่ในวาระพิจารณาของสภานิติบัญญัติจนถึงกรกฎาคมปีหน้า”

“2. ทางที่เหมาะสำหรับนางหล่ำคือ “ฆ่า” กฎหมายนี้เพื่อนำไปสู่การใช้มาตรา 62 ว่าด้วยกฎระเบียบและกระบวนการ เพื่อนำไปสู่การถอดถอนอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เธอไม่สนใจกระบวนการนี้ในคำแถลงของเธอ”

“3.แต่วันนี้ นางหล่ำยังคงปฏิเสธคำสัญญาที่จะถอดถอนกฎหมายอย่างเป็นทางการ ทั้งที่ประชาชนเรียกร้อง นั้นพิสูจน์แล้วว่านางหล่ำโกหกจนเป็นนิสัย”

“4. ปมสำคัญไม่ได้อยู่ที่คำโกหกในการเล่นคำ ไม่ว่า “ระงับ” หรือ “ถอดถอน” ผมคิดว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่เธอสัญญาจะไม่เริ่มพิจารณากฎหมายดังกล่าวนี้อีกระหว่างการดำรงตำแหน่ง ซึ่งเธอต้องทำให้ชัดเจน”

“5.เธอไม่ได้ตอบรับข้อเรียกร้องของประชาชนเลย เธอยืนยันจะใช้สภาอิสระรับเรื่องราวร้องทุกข์ปัญหาตำรวจ โดยเธอจะตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนการใช้อำนาจโดยมิชอบของตำรวจ แต่นายแอนดรูว์ ลี่ อดีตรัฐมนตรียุติธรรมฮ่องกงให้ความเห็นวันนี้ว่า คณะกรรมการสอบสวนที่เป็นอิสระถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤตการบริหารงานรัฐในตอนนี้”

“6. เธอต้องหยุดดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวที่ร่วมการประท้วง เพราะถึงแม้เธอจะถอนคำพูดเรียกผู้ชุมนุมว่าผู้ก่อจลาจล แต่กระทรวงยุติธรรมฮ่องกงยังคงฟ้องนักเคลื่อนไหวโดยใช้ข้อหาก่อจลาจลได้อยู่”

“7. ข้อเรียกร้องของเราคือการเลือกตั้งที่เป็นอิสระเพราะวิกฤตการบริหารทั้งหมดล้วนเกิดจากความไม่เสมอภาคทางการเมือง เราเรียนรู้แล้วว่ารัฐบาลวางแผนจะไม่ให้ผ่านคุณสมบัติกับผู้สมัครอีกระหว่างการเลือกตั้งเขตในเดือนพฤศจิกายนนี้ ผมคัดค้านวิธีการเช่นนี้อย่างแน่นอน”