“เทือก” ภูมิใจได้เกิดเป็นมนุษย์ ไร้ปัญหา “หม่อมเต่า นั่งเก้าอี้ใดก็ได้ ยันทำเพื่อชาติ-ประชาชน

วันที่ 7 ก.ค. ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ให้สัมภาษณ์หลังทำบุญในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดอายุ 70 ปี ว่า ในวันพรุ่งนี้ถือว่าอายุ 71 ปี เวลาที่เหลือต่อจากนี้ก็ตั้งใจทำงานให้ประเทศและประชาชน และยืนยันว่าจะทำพรรครปช.ให้เป็นพรรคของประชาชน รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ด้วยความมุ่งมั่น

สำหรับวันเกิดปีนี้ คงไม่ต้องฝากอะไรถึงประเทศแล้ว แต่อยากฝากให้ตัวเอง เพราะยังไม่รู้ว่าจะเหลือเวลาของชีวิตอีกเท่าไหร่ แต่เวลาที่เหลือทั้งหมด ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำความดี ทำประโยชน์ให้ประเทศและ 3 สถาบันหลักของชาติและประชาชน วันนี้ไม่ต้องฝากอะไรกับใครและไม่ต้องไปสอนใคร เพียรสอนตัวเองเท่านั้นพอ

เมื่อถามว่าแสดงว่าถึงวันนี้ ได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้วทั้งหมดใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ได้สำรวจตัวเองมาตลอด ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นคนไทย และได้ทำหน้าที่ให้กับประเทศและสถาบันหลักของชาติตามกำลังความสามารถแล้ว

เมื่อถามว่า มองสถานการณ์การเมืองไทยในวันนี้เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีใครที่จะได้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับตนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะการปฏิรูปการเมือง แต่ต้องยอมรับว่าบางอย่างเป็นไปในทิศทางที่น่าพึงพอใจ แต่มีบางอย่างที่เราต้องช่วยกันทำต่อไป

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์กับคนในพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ที่วันนี้เดินทางมาร่วมงานทำบุญวันเกิดด้วย หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคปชป. ว่า นักการเมืองไม่ว่าจะอยู่พรรคไหน? ถ้าเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ทำงานเพื่อสถาบันหลักของชาติ ก็สามารถคบและร่วมมือกันได้ทั้งนั้น ทุกคนถือเป็นพี่น้องร่วมอุดมการณ์กับตน คบค้าสมาคมกันมานาน ไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกัน อยู่พรรคไหนก็ร่วมมือกันได้

แต่การประสานทำงานให้เป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะรัฐบาลที่มาจากต่างพรรค ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก รัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีความหลากหลาย อาจมีความเหมือนกันในบางเรื่อง และอาจมีความต่างในหลายประเด็น ก็ต้องปรับตัวเข้าหากันและเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันให้ได้ สำหรับตนถือหลักเพียงอย่างเดียว คือให้ประเทศมีความอยู่รอดปลอดภัยและประชาชนมีความสุข

“ดังนั้นแม้จะต้องอดทนกับคนบางกลุ่มบางประเภทก็จำเป็น แต่เราต้องเดินหน้าให้ประเทศและประชาชนมีความสุข ให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงแข็งแรง”นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่า ความแตกต่างดังกล่าว หมายถึงการทำงานร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อาจจะมีปัญหาใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ตนคงไม่ไปหาศัตรูเพิ่ม ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ใครให้เสียหาย

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนที่พรรคมอบหมายให้ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครปช. ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลใหม่ นายสุเทพกล่าวว่า คงต้องรอดูหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมา ว่าจะให้ดำรงตำแหน่งใด เมื่อมีประกาศลงมาแล้ว ก็ทำงานในตำแหน่งนั้น

เมื่อถามว่า ถือว่าตรงตามเป้าหมายที่พรรควางไว้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตั้งแต่ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา เป้าหมายหลักของพวกตนมีอย่างเดียวคือให้ประเทศและประชาชนมีความสุข และคนที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงได้ชูให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีมาตลอด เพื่อทำการปฏิรูปให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ไม่เคยพูดว่าเราจะได้ตำแหน่งอะไร ดังนั้นเมื่อถึงเวลาตั้งรัฐบาล จึงไม่มีเรื่องการต่อรองตำแหน่ง เสนอให้เราทำอะไร เราก็พร้อม หรือแม้ไม่ให้อะไรเราเลย เราก็ทำหน้าที่ต่อไปได้ ไม่มีปัญหา

นายสุเทพ กล่าวว่า ในส่วนการทำงานของพรรครปช. มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคมาโดยตลอด เพราะเราต้องการสร้างพรรคให้เป็นของประชาชน และตนก็หวังจะสร้างนักการเมืองใหม่ๆ รุ่นหนุ่มสาวเข้ามารับภาระทางการเมือง ขณะที่ผู้สูงอายุและผู้มีประสบการณ์ก็สามารถมาร่วมงานได้ ซึ่ง ม.ร.ว.จัตุมงคล แม้จะมีอายุ 75 ปีแล้ว แต่ก็ช่วยมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคให้

เมื่อถามว่า ล่าสุดฝ่ายค้านเริ่มดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยสภาได้ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกคนสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ ไม่มีอะไรน่าตกใจ ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบตั้งแต่นายกฯลงไปถึงผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็สามารถทำได้ ขอให้ทำไปตามหน้าที่ ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่ทำงานให้ประเทศและประชาชน ต่างคนต่างทำหน้าที่กันไป

เมื่อมีคนสงสัยก็ต้องอธิบาย ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตนก็ไม่ได้กังวลและมีปัญหาอะไรที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ตนชูให้เป็นนายกฯมาโดยตลอด ส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม มีความดี และเป็นนายกฯที่ดีได้ในระบอบประชาธิปไตย

“เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำนั้น ผมไม่กังวลถึงเสถียรภาพของรัฐบาล มีเสียงมากกว่าเพียง 1 เสียงก็สามารถทำงานได้ ยิ่งมีเสียงน้อย ยิ่งจะต้องทำงานด้วยความจริงจังและระมัดระวัง ต้องสร้างผลงานให้ประชาชนเห็นและศรัทธา สิ่งสำคัญคือประชาชนต้องยอมรับและสนับสนุน ผมจึงไม่กังวลใจในเรื่องเสียงปริ่มน้ำ แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนในรัฐบาลจะต้องร่วมมือกัน ทุ่มเททำงานแข่งกับเวลา” นายสุเทพ กล่าว