“ชุติมา”นำคณะเยือนอินเดีย กล่อมให้เร่งสรุปเจรจาอาร์เซ็ปตามเป้าปีนี้

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนมีกำหนดจะเดินทางเยือนอินเดีย ระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม 2562 หลังจากที่อินเดียมีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้นายนเรนทรา โมดี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอินเดียเป็นสมัยที่ 2  พร้อมเป็นโอกาสดีจะพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมคนใหม่ของอินเดีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอินเดียในฐานะประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ รวมทั้งผลักดันบทบาทนำของไทยในฐานะประธานอาเซียน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับอินเดียด้วย

นางสาวชุติมา กล่าวว่า อินเดียเป็นทั้งคู่ค้าสำคัญของไทย และประเทศคู่เจรจาของอาเซียนในการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนให้ความสำคัญสูงสุด โดยขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าไปมาก สำหรับการหารือครั้งนี้จะใช้โอกาสที่ไทยเป็นประธานอาเซียนและประธานการประชุมระดับรัฐมนตรีของอาร์เซ็ปเป็นตัวกลางประสานท่าทีระหว่างประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป และจะหารือกับอินเดียร่วมกับเลขาธิการอาเซียนและรัฐมนตรีการค้าอินโดนีเซีย เพื่อผลักดันให้อินเดียร่วมหาข้อสรุปในประเด็นสำคัญให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยตั้งเป้าให้สมาชิกทั้ง 16 ประเทศร่วมกันประกาศสรุปผลการเจรจาในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ณ กรุงเทพฯ

นางสาวชุติมา กล่าวว่าปี 2561 การค้าระหว่างไทยกับอินเดีย มีมูลค่า 12,463.74 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปอินเดีย มูลค่า 7,600.32 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น และนำเข้าจากอินเดีย มูลค่า 4,863.43 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ สินแร่โลหะอื่น ๆ และเศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

“ หากความตกลงอาร์เซ็ปมีผลบังคับใช้จะกลายเป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเชื่อมั่นให้กับการค้าระหว่างประเทศของสมาชิกอาร์เซ็ปทั้ง 16 ประเทศ ท่ามกลางวิกฤตสงครามการค้า และจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตของภูมิภาค ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค รวมถึงโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียด้วย”นางสาวชุติมา กล่าว

มติชนออนไลน์