เผยแพร่ |
---|
‘วิษณุ’ชี้รัฐ-เอกชน-ปชช.ต้องร่วมมือกันเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ย้ำรบ.ใหม่ควรขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อไป
วันที่ 3 ก.ค. 62 ที่ ห้องคริสตัลบี ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนา Thailand Competitiveness Conference 2019 ว่า ในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน รัฐบาลต้องร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชน หรือการทำงานแบบประชารัฐ คือการที่รัฐทำงานร่วมกับประชาชน เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อน ซึ่งพบว่ารัฐควรที่จะเน้นใน 3 ด้านที่สำคัญ คือ 1.นวัตกรรม 2.ความคิดสร้างสรรค์ และ3.เทคโนโลยี เมื่อรัฐมีทิศทางการทำงานที่ชัดเจน เชื่อว่าการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศจะไม่เป็นเรื่องที่ยากอีกต่อไป
ทั้งนี้ ในเรื่องของการลงทุนภายในประเทศ เอกชนหลายกลุ่มเริ่มมีกังวลว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีการจัดตั้งภายในเดือนนี้ อาจจะไม่เดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานไปในทิศทางเดิมที่รัฐบาลชุดปัจจุบันปูทางไว้ ดังนั้น ไทยจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเป็นหลักประกันว่าทุกโครงการที่เสนอมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าไทยจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างต่อเนื่องแน่นอน
“สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นยุทธศาสตร์ฉบับแรกของไทย ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์คือ 1.ด้านความมั่นคง 2.ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3.ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 4.ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5.ด้านการสร้างการเติบโตคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6.ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการส่งไม้ต่อให้รัฐบาลชุดใหม่ในการนำยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ข้อ มาต่อยอดและพัฒนาขีดความสามารถของประเทศต่อไป” นายวิษณุกล่าว
ด้านนายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันที่เทคโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการพัฒนาและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นยุคที่ The future is now เพราะมีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันและอาจได้รับผลกระทบรุนแรง ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ไทยสามารถโต้กระแสคลื่นของความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแข็งแรงมั่นคง จึงเป็นที่มาของประเด็นหลักในการสัมมนาภายใต้เรื่อง Rethinking the Future ในปีนี้
“งานสัมมนาในครั้งนี้ มุ่งเน้นประเด็นที่มีความสำคัญต่อการแข่งขันภายใต้บริบทใหม่ของโลก ความพร้อม และการมองถึงอนาคตของไทยในโลกยุคใหม่ ซึ่งสิ่งที่ยังเป็นประเด็นท้าทาย คือ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งในการดำเนินงานของภาครัฐในฐานะผู้สร้างสภาพแวดล้อมเพื่อความสามารถในการแข่งขัน และทุกภาคธุรกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ภาครัฐจะต้องให้การสนับสนุน ขณะเดียวกันต้องมีการเตรียมความพร้อมพัฒนากำลังคนให้มีความรู้และทักษะ โดยนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งความรู้ต่างอย่างทั่วถึง” นายธีรนันท์กล่าว
มติชนออนไลน์